ปากท้อง


ปากท้อง


ผมรู้จัก “คำฝอย” ก็ตอนที่เพื่อนแนะให้ลอง

ใช้ชงดื่มลดไขมันในเส้นเลือด ทำให้เลือดลมดี แถมลดความอ้วนได้ผลชะงัด

ไม่แนะนำอย่างเดียวเพื่อนบอกให้ดูหุ่นเป็นใบประกันคุณภาพเสร็จสรรพ

ผมต้องยกเพื่อนคนนี้ให้เป็นอาจารย์ เพราะแกรู้เรื่องการโภชนาการโดยไม่ต้องเรียนรู้

สามารถบอกได้ละเอียดว่าอาหารชนิดไหนมีอะไรดี อะไรต้องระวัง อะไรควรเลือก

จนคุยกับแกทีไร ให้รู้สึกทานอาหารอร่อยน้อยลงไปทุกที

เลยทำให้เข้าใจว่า ทำไมหลายคนไม่ยอมไปรับการตรวจสุขภาพ ก็เพราะตรวจเสร็จต้องอดนั่น งดนี่ กินยาหาหมอเป็นระยะ อย่างไรอย่างนั้น...

คล้ายจะถือคติว่า ยอมเป็นโรคอย่างมีสุข ดีกว่าไร้โรคอย่างทุกข์ยาก

แล้วก็ลงเอยเป็นปรัชญาชีวิต “กินกินเข้าไปเถอะ ตราบใดที่ยังกินได้ ต่อไปจะกินไม่ได้แล้วค่อยอด”

อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานของทุกสิ่งที่มีชีวิต หรือจะพูดแบบชาวบ้านพูด กินเพื่อให้อยู่รอด

สัตว์ต่างๆ กินเพื่ออยู่ อิ่มแล้วก็เลิกกิน และไม่สนใจจนกว่าจะหิวอีกครั้ง

แต่คนไม่ใช่เช่นนั้น หลายคนกลับชอบอยู่เพื่อกิน อิ่มแล้วยังกินได้เรื่อยๆ จนไม่มีโอกาสรู้สึกหิว

ปากกับท้องที่เคยสมพงษ์กัน ต้องมาขัดแย้งกันโดยปริยาย

กินเน้นอร่อยปาก มากกว่าสบายท้อง

1 แม้ท้องเต็มแน่นจนอึดอัด แต่ปากยังอยากอร่อยไม่มีสิ้นสุด

▲back to top

ก็เลยกินอร่อยปาก แต่ลำบากท้อง

รสชาดจึงสำคัญมากกว่าประโยชน์ จนโรคกระเพาะถามหามากต่อมาก

แถมกินเข้าไปเพลิน จนต้องกระเสือกกระสนหาทางรีดไขมัน พึ่งหมอพึ่งยาลดความอ้วน

การกินเลยกลายเป็นค่านิยม โดยมีร้านอาหารตั้งแต่ระดับยองยองเหลาไปถึงสวนอาหารภัตตาคารริมน้ำคอยรองรับให้บริการทุกขนาดกระเป๋าสตางค์

ร้านอาหารเปิดใหม่ที่ไหน ไกลเท่าไร ก็จะแห่กันไปให้ได้

แม้หลายครั้งจะต้องผิดหวังราคาคุย แต่สบายใจที่ได้มาพิสูจน์ด้วยตนเองว่าไม่อร่อยปากอย่างที่เล่าลือจริงๆ ด้วย

ไม่น้อยครั้งที่ต้องด้นดั้นไปเสาะหาความอร่อยปากเสียไกล กลับมายังไม่ถึงบ้านก็หิวอีกแล้ว ต้องแวะฝากท้องกับร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างทาง ซึ่งก็อิ่มท้องไม่แพ้กัน

ก็เพราะกินอร่อยไม่ใช่กินอิ่มนี่แหละ ทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องลำบากลำบนหารายได้พิเศษเพิ่ม จนแทบต้องเสียสุขภาพจิตสุขภาพกาย ของตนเองและของคนรอบข้าง

ค่านิยมการกินยังส่งผลกระทบไปถึงด้านต่างๆ ของชีวิต ทั้งปัจเจกสังคม

ในเมื่อกินแค่อร่อยลิ้น วัตถุดิบที่ใช้นำมาเตรียมอาหารส่วนหนึ่งต้องเสียไปโดยไร้ประโยชน์

ในขณะที่หลายคน เพื่อจะกินแค่ให้อิ่มท้อง ยังหาไม่ได้

หลายคนมีกินจนเหลือเฟือ ขณะที่อีกหลายคนกินมื้ออดมื้อ

เด็กในครอบครัวที่มีอันจะกินต้องขอร้อง “แม่ฮะ หนูขอไม่กินอีกได้ไหม?” ในขณะที่เด็กในครอบครัวอื่นๆ ต้องร้องขอ “แม่ฮะ ขอกินอีกนิดได้ไหม?”

เมื่อกินเพื่ออร่อยปาก ก็กินแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ในขณะที่คนกินเพื่ออิ่มท้องต้องคุ้ยเขี่ยขยะหาเศษอาหารยาท้องไปวันๆ


เทศการมหาพรต น่าจะเป็นช่วงเวลามาคืนความสมพงษ์ให้แก่ปากแล้ท้อง อย่างที่พระท่านได้ทรงกำหนดไว้เมื่อสร้างมนุษย์ และสรรพสิ่งสรรพสัตว์ในโลกใบนี้

การจำศีลอดอาหารที่พระศาสนจักรกำหนดให้ทำในเทศกาลนี้ คงจะมีจุดหมายนี้รวมอยู่ด้วย กล่าวคือ มาสร้างค่านิยมการกินให้ถูกต้องเสียใหม่

นอกจากจะส่งผลดีให้ทั้งในแง่ปัจเจกและแง่สังคมแล้ว

ปัญหา “สุขปาก วิบากท้อง” ก็คงจะลดลงเป็นแน่แท้.