สังคมไทยๆ
สังคมไทยดูจะป่วยหนักขึ้นทุกวัน อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็ในเมื่อต้นเหตุแต่ละอย่างของอาการป่วยนั้นไม่เคยได้รับการบำบัดเยียวยาให้หายขาดเสียที
มีแต่การพูดบรรยายอาการป่วยตลอดจนผลเสียที่เกิดขึ้น แล้วก็จบกันแค่นั้นบางทีก็ทำเป็นรักษาเยียวยา แต่ก็ไม่เด็ดขาดลูบหน้าปะจมูกกันไปพักหนึ่ง พอคนลืมก็เลิกทำการไปโดยปริยาย
และอย่างนี้ทุกเรื่อง อาการป่วยของสังคมก็มีแค่จะรุนแรงขึ้นทุกวัน จนบางอาการสุดจะเยียวยา ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยให้เรื้อรังอยู่อย่างนั้นต่อไปอย่างช่วยไม่ได้
พอมีต่างชาติมาคุ้ยแคะเรื่องปัญหาโสเภณีเด็กก็มีการลงดาบกันทุกระดับ ออกกวาดล้างแบบพลิกดินพลิกหินทุกก้อนด้วยมาตรการเฉียบขาด พร้อมผลงานให้เห็นแทบทุกวัน
แล้วก็ค่อยๆ เงียบหายไป ในขณะที่โสเภณีเด็กยังมีล้นเมืองพอมีเรื่องมีราวเกิดขึ้นในสถานเริงรมย์ ก็มีคำสั่งเข้มงวดเวลาเปิดเวลาปิด ควบคุมอายุคนเข้าออกอย่างเคร่งครัด พร้อมกับผลงานสั่งปิดที่นั่นที่นี่ตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ให้เกรียวกราวแล้วก็เช่นกัน ทุกอย่างค่อยๆ กลับไปสู่สภาพเดิมเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอมีหลักฐานการทำแท้งเถื่อนตีพิมพ์หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ก็มีคำสั่งฟ้าฟาดให้ขจัดคลินิกทำแท้งเถื่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับผลงานบุกจับที่นั่นที่นี่ให้เห็นอยู่พักใหญ่
แล้วก็ลงเอยเหมือนนิยายน้ำเน่าเช่นเคย การฆ่า “มารหัวขน” ยังคงมีต่อไปอย่างไม่กลัวฟ้ากลัวดิน พอมีข่าวคราวการแพร่หลายของยาม้ายาเสพติดอย่างน่าเป็นห่วง ก็มีคำสั่งให้จัดการกับคนผลิตและจำหน่ายด้วยมาตรการรุนแรง พร้อมด้วยผลงานการจับออกมาสู่สายตาประชาชน
แถมยังมีการจัดเรียงเม็ดยาเป็นตัวอักษร “ยาม้า” ตัวใหญ่ๆ ให้อ่านได้ชัดเจนเต็มตา กลัวผลงานจะไม่เด่นชัด
ผมพยายามจะคิดหาเหตุผลของงานศิลปะที่สร้างขึ้นมาจากเม็ดยาม้าเรียงเป็นอักษรนี้ แต่ก็จนแล้วจนรอด ยังคิดไม่ออก
อาจจะเป็นนโยบายฝึกฝนความเชี่ยวชาญด้านอักษรศิลป์อย่างหนึ่งก็ได้ เพราะที่จะเรียงเม็ดยาม้าให้เป็นคำขึ้นมา คงต้องใช้เวลาและความมุมานะพอดู
เอามาเรียงถ่ายรูปทำข่าวแล้ว ยาม้าที่จับได้เป็นแสนเป็นด้านเม็ดไปลงเอยที่ไหน ไม่มีใครรู้
พอมีข่าวคราวพวกคลั่งยาม้าก่อคดีสยองขวัญติดๆ กันหลายวัน ก็มีคำสั่งให้เปลี่ยนชื่อ “ยาม้า” เป็น “ยาบ้า” ทันที
ราวกับว่า การเปลี่ยนชื่อเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างฉมังหาได้ฉุกคิดกันสักนิดว่า คำว่า “บ้า” บ่งบอกถึง “เสียสติวิกลจริต สติฟั่นเฟือน” แล้วจะไปเอาเรื่องทางกฎหมายกับคนประเภทนี้ได้หรือ?
ดูจะแปลกสำหรับการแก้ปัญหาแบบนี้ แต่ก็มีทำให้เห็นกันมากมายหลายด้านในสังคมทุกวันนี้
ก็เพราะการเปลี่ยนชื่อนี่แหละ ที่ทำให้บาปบุญคุณโทษพลอยหายสิ้นไปด้วย
คริสตังจึงไม่คิดหรือรู้สึกว่าจำเป็นต้องไปแก้บาป จะหาบาปแต่ละอย่างเพื่อแก้ทั้งทีก็แสนจะยากเย็น
เมื่อใดที่ไม่เรียกบาปตามชื่อของมัน บาปก็จะเปลี่ยนไปความชั่วกลายเป็นความไม่ชั่ว บาปก็ไม่เป็นบาป
ความมักรู้มักเห็น เปลี่ยนชื่อเป็น ความรู้รอบตัว แต่งตัวอนาจาร ก็เปลี่ยนชื่อเป็น มีอะไรดีจะอวดมีเพศก่อนแต่งงาน ก็เปลี่ยนเป็น การทดสอบความเหมาะสม ความจองหอง เปลี่ยนชื่อเป็น ความเป็นตัวของตัวเอง การหย่อนยาน เปลี่ยนชื่อเป็น การรู้จัดยืดหยุ่น การคดโกง เปลี่ยนชื่อเป็น ไหวพริบเชิงธุรกิจ ความฟุ้งเฟ้อ เปลี่ยนชื่อเป็น การให้รางวัลตัวเอง การเสียสัตย์ เปลี่ยนชื่อเป็น เพื่อประเทศชาติ เพียงแค่เปลี่ยนชื่อยาม้าคงแก้ปัญหาไม่ได้ เปลี่ยนชื่อบาปก็ไม่อาจจะทำให้บาปเปลี่ยนไปได้เช่นกัน
จะเปลี่ยนก็จิตใจคนที่ทำชั่วให้ด้านไม่รู้สึกกระดากหรือละอายอีกต่อไป
และนี่คืออาการป่วยหนักของสังคมทุกวันนี้ ที่ต้องรับการรักษาด้วยความเร่งด่วน
อาการนี้หายเมื่อไร อาการป่วยอื่นๆ ในสังคมก็จะหายตามไปด้วยโดยปริยาย.