Deep Thoughts|7

ท่าดีทีเหลว


ร้านบะหมี่หน้าบ้าน มีคนแวะเวียนมากินไม่ขาดสาย

แม้จะเป็นแค่รถเข็น แต่ฝีมือการปรุงไม่เบา

และทุกครั้งที่เข้าไปฝากท้อง ผมก็อดไม่ได้ที่จะนั่งมองดูเจ้าของร้านทำงานด้วยความเพลิด

เพลิน

ทันทีที่รับคำสั่ง มือไม้ก็เริ่มแกว่งกวัดด้วยความรวดเร็ว

มือขวาคว้าเส้นหมี่ ขณะที่มือซ้ายถือตะแกรงด้ามยาวเตรียมพร้อมอยู่เหนือหม้อน้ำซุปเดือดหอมกรุ่นด้วยน้ำต้มกระดูก

เส้นบะหมี่กำใหญ่ถูกนำมายัดใส่ตะแกรง

เห็นในตอนแรกแล้วก็อดดีใจไม่ได้ว่า เจ้าของร้านใจกว้าง ไม่หวงเส้น...

แต่ยังไม่ทันไร ก็ต้องชะงักงันเห็นเจ้าของร้านเด็ดเส้นหมี่ออกเกือบครึ่ง และนำกลับไปวางไว้ในตู้กระจก...ด้วยความเชี่ยวชาญและแม่นยำ

เส้นบะหมี่ที่ลวกพอดีพอเหมาะถูกนำมาใส่ชามกลมลึก ส่งไอร้อนพวยพุ่งขึ้นไปเป็นสาย

พลันมือทั้งสองข้างนั้นก็เริ่มหยิบเครื่องปรุงแต่ละอย่างใส่ด้วยความรวดเร็ว ราวกับจะมีสิบมือที่ประสานงานกันอย่างกลมกลืนได้จังหวะจะโคนไม่ผิดเพี้ยน

แล้วมือซ้ายก็หยิบหมูแดงชิ้นใหญ่จากที่แขวนในตู้กระจกมาวางไว้บนเขียงไม้เก่าๆ ที่บอกถึงอายุการใช้งานมาเกินคุ้ม ส่วนมือขวาก็จับมีดหั่นหมูเป็นชิ้นบางๆ เท่ากันราวกับวัดขนาดไว้แล้วเกือบสิบชิ้น

อีกครั้งที่หลงดีใจ เมื่อเห็นเจ้าของร้านรวบชิ้นหมูแดงจากเขียงมาทั้งกำเพื่อใส่ชามบะหมี่ที่เตรียมไว้ ท่าทางจะไม่หวงเนื้อหมูเอาเลย

แต่แล้วก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อเอาหมูแดงถูกวางเรียงลงไปในชามแค่สามชิ้นไม่ขาดไม่เกิน ในขณะที่เหลือถูกนำไปใส่ไว้ในตู้เป็นกอง

เป็นใครก็คงจะอดคิดคำนวณไม่ได้ว่าบะหมี่ชามนั้นช่างไม่สมน้ำสมเนื้อกับเงิน 20 บาท ที่ต้องจ่ายเพื่อแลกมันมาเสียเลย

แม้จะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจแบบ ไอ. เอ็ม. เอฟ. ก็เถอะ

ความคิดเสียดายเงินมีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อเจ้าของร้านยื่นมือเข้าไปหยิบลูกชิ้นหมูในตู้พร้อมกับกำลูกชิ้นออกมาเต็มมือ.