ร้อนปีนี้ทั้งร้อนระอุ และ ร้อนแรง
เดินกลางแดด ให้รู้สึกเหมือนกับว่าดวงอาทิตย์ต่ำลงมาทุกที
ความร้อนทะลุเสื้อผ้าทำให้ผิวหนังร้อนผ่าวราวกับเดินผ่านไฟกองใหญ่
ใบไม้ต้นหญ้าหงิกงอทำท่าจะตายเสียเดี๋ยวนั้น
ลมที่พัดโชยมาเป็นครั้งเป็นคราวก็เพียงแค่กระพือความร้อน หาได้นำความเย็นสดชื่นมาให้แม้แต่น้อยไม่
นั่นคือความร้อนระอุที่นำไปสู่ความร้อนแรงจนดูทุกอย่างจะรุ่มร้อนไปหมด
คนหงุดหงิด อารมณ์เสียด้วยเรื่องเล็กน้อย
อะไรนิดอะไรหน่อยถึงกลับลงไม้ลงมือ ทำร้ายและทำลายชีวิตกันอย่างไม่น่าเชื่อ
จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เดี๋ยวนี้ชีวิตคนช่างไร้คุณค่าราคาตกต่ำถึงขนาดนี้แล้วหรือนี่
เพียงแค่คำพูดไม่เข้าหูก็ฆ่าทิ้งแล้ว ทั้งๆ ที่นั่งร่วมวงกินเหล้ามาทุกวัน
เพียงแค่ขับรถแซงปาดหน้าก็บันดาลโทสะควักปืนยิงกันกลางถนนแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อน
เพียงแค่ระแวงว่าจะมีชู้ก็ชิงฆ่าทิ้ง ทั้งๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายร้อนหลายหนาว
เพียงแค่กลัวว่าจะต้องพรากจากลุกก็ฆ่าลุกได้อย่างเลือดเย็น ทั้งๆ ที่เลี้ยงดูทะนุถนอมชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
เพียงแค่ปัญหาแก้ไม่ตกก็ด่วนตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีปัญหาไปอย่างง่ายๆ ทั้งๆ ที่กว่าจะโตขนาดนี้พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูประคับประคองมาแทบเป็นแทบตาย
อากาศร้อนแต่ใจสงบเย็นก็ยังพอทน
แต่นี่อากาศร้อนแล้วใจยังร้อนรุ่มและร้อนแรงอีก ชีวิตนี้จึงดูเหลือทน
สังคมทุกวันนี้ทุกอย่างชวนให้ชีวิตเครียดไปหมด
ตั้งแต่การต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง...อาหารการกินราคาถีบตัวสูงขึ้นทุกวัน
ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด...อากาศเป็นพิษ อาหารมีสารเจือปน ดินฟ้าอากาศแปรปรวนแห้งแล้ง งานกรหาทำได้ยาก
ต้องแข่งขันกับทุกอย่าง แม้กระทั่งกับตนเอง...แข่งกับเวลา แข่งกับเรี่ยวแรงที่มีอยู่ แข่งด้านธุรกิจ แข่งด้านการศึกษา
ต้องรีบเร่งไปเสียทุกอย่าง...รีบไปทำงาน รีบไปเรียน รีบไปธุระ รีบกลับบ้าน
ความเครียดเกิดขึ้นมาจากการดิ้นรน การต่อสู้ การแข่งขัน การรีบเร่งยังไม่พอ ยังต้องเครียดกับการพ่ายแพ้อีก
ดิ้นรนเพื่อปากท้อง แต่ก็ยังต้องหิวแบบกินมื้ออดสองมื้อ
ต่อสู้เพื่อความอยู่รอด แต่ต้องตายผ่อนส่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
แข่งขันกับทุกอย่าง แต่ต้องแพ้บารมี แพ้เส้นสาย
รีบเร่งเสียทุกอย่าง แต่ต้องมาติดหนับกับจราจรที่เดินยังเร็วกว่านั่งรถ
เวลาที่มีน้อยอยู่แล้ว ยังต้องน้อยลงไปอีก
เพียงแค่ประชุมหนึ่งชั่วโมง ต้องใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงไปสองชั่วโมงกลับ
จะนัดกับใครต้องเผื่อเวลากันเหนียวสักชั่วโมงสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
หลายคนปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เป็นตัวกำหนดชีวิต เลยรู้สึกระอา เบื่อหน่าย ท้อแท้ สิ้นหวัง
ก็เลยมีให้เห็นเป็นข่าวคราวกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน
แต่คนที่รู้จักลอยตัวเหนือสิ่งเหล่านี้ สามารถมีสุขภาพจิตดี ชีวิตแจ่มใส
ชีวิตเป็นดังกระจกเงา ถ้าคุณยิ้มให้ ภาพที่สะท้อนออกมาน่ารักน่าดู
แต่ถ้าคุณทำหน้าบึ้งให้ ภาพที่ออกมาน่าเกลียดน่ากลัว ชวนให้หดหู่
น่าเสียดายสำหรับหลายคนที่ยังเชื่อว่าชีวิตนี้เป็นพรหมที่ลิขิต ก็เลยปล่อยไปตามยถากรรม
ชีวิตเลยหดหู่ น่ากลัว น่าเบื่อหน่าย อย่างที่เรียกๆ กันว่าชีวิตบัดซบ
แต่จริงๆ แล้ว ชีวิตแต่ละชีวิตเป็นตัวเราที่ลิขิต จะสุขจะทุกข์ขึ้นอยู่กับตัวเรา
ถ้าคุณรักชีวิต ชีวิตก็ตอบรักคุณ และคุณจะได้ทุกอย่างจากชีวิต
ชีวิตอื่นๆ ก็พลอยมีความยินดีและความสุขกับชีวิตคุณด้วย
เมื่อคุณเกิดมาคุณร้องไห้ ขณะที่คนอื่นๆ มีความยินดี
จงดำเนินชีวิตอย่างที่ว่า เมื่อคุณตายคนอื่นพากันร้องไห้ขณะที่คุณมีความสุข
จะเป็นเช่นนี้ได้ คงต้องยิ้มให้แก่ชีวิตบ่อยๆ เสียแล้ว.