วันเด็กคือวันผู้ใหญ่
วันเด็กเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง
แทบทุกหน่วยงานให้ความสนใจ มีการพูดถึงเด็ก จัดงานให้เด็ก สร้างความสนุกสนานให้เด็ก เปิดสถานที่ให้เด็กเข้าชม
แต่พอสิ้นวันเด็ก ความสนใจก็หายไป จนกระทั่งวันเด็กปีหน้าจะเวียนมาใหม่
ถ้าจะพูดกันแล้ว วันเด็กไม่ใช่วันสำหรับเด็ก แต่น่าจะเป็นวันสำหรับผู้ใหญ่ที่มาสร้างความสำนึกถึงวัยอันทรงคุณค่าของเด็ก และหาแนวทางเพื่อทำให้วัยนี้ได้เป็นวัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดมากกว่า
มันง่ายที่จะทำให้วันเด็กเป็นวันสำหรับเด็ก
ตั้งแต่เช้าพูดถึงเด็ก จัดกิจกรรมให้เด็ก แจกของให้เด็ก นำเด็กเยี่ยมชม ให้เด็กขึ้นรถโดยสารฟรี...จนกระทั่งสิ้นสุดวัน
แล้วก็จบวันเด็ก แค่นั้น
แต่ยากที่จะทำให้วันเด็กเป็นของผู้ใหญ่ เพราะ
กิจกรรมไม่จัดแค่วันนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกของการให้ชีวิต ให้เวลา ให้ความสนใจ เพื่อความดีของเด็กเสมอไป
นำเด็กเยี่ยมชมวันนี้ เพื่อบอกว่า ไม่ใช่วันนี้เท่านั้นที่พ่อแม่ ผู้ปกครอ ง ผู้ใหญ่จะไปไหนด้วยกัน แต่พร้อมจะเคียงข้างเด็กตราบใดที่เด็กยังต้องการ
ให้เด็กขึ้นรถฟรีวันนี้ เพื่อยืนหยัดว่าผู้ใหญ่พร้อมจะให้ทุกอย่างที่เด็กมีสิทธิ์ที่จะได้ โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขต่อรอง
มองจากแง่นี้แล้ว วันเด็กไม่ใช่วันนี้วันเดียวอีกต่อไป
เด็กเป็นเหมือนเส้นผม ยิ่งมีน้อยยิ่งต้องบำรุงรักษาให้ดี
ทุกวันนี้ ครอบครัวส่วนมากเป็นครอบครัวเล็ก มีลูกคนสองคน
แต่ก็มีบ่นให้ได้ยินไม่ขาดว่า แค่คนสองคนก็ยังเลี้ยงไม่ได้ดี
ช่างผิดกับก่อนนี้ ครอบครัวใหญ่ แต่การเลี้ยงการอบรมได้ดีทุกคน
พ่อแม่บางคนโยนความผิดให้สภาพสังคมและเศรษฐกิจทุกวันนี้ บ้างก็โยนความรับผิดชอบให้รัฐ อีกบางคนก็โยนความผิดไปที่สื่อมวลชน...
แต่น้อยคนที่จะยอมรับว่าสาเหตุใหญ่อยู่ที่ตัวพ่อแม่เอง
จริงๆ แล้ว ความแตกต่างระหว่างพ่อแม่สมัยก่อนนี้อยู่ที่คำๆ เดียว “เวลา”...มีเวลาให้ลูกหรือไม่มีเวลาให้ลูก นั่นคือประเด็นสำคัญ
ในเมื่อการอบรมเด็กต้องการเวลาเพื่อการซึมซับ พ่อแม่ต้องให้เวลาและให้ความใกล้ชิด
เด็กเรียนรู้ความรัก จากความรักและความอบอุ่นที่พ่อแม่แสดงออก
เด็กเรียนรู้คุณธรรม จากพฤติกรรมของพ่อแม่
เด็กเรียนรู้ความขยันขันแข็ง จากการงานการอาชีพที่พ่อแม่ทำ
เด็กเรียนรู้ความซื่อสัตย์สุจริต จากการกระทำของพ่อแม่
เด็กเรียนรู้ความเชื่อและความศรัทธา จากการสวดและการไปวัดของพ่อแม่
พูดง่ายๆ เด็กเรียนรู้ชีวิต จากชีวิตของพ่อแม่ นั่นเอง
โดยธรรมชาติ เด็กเริ่มซึมซับนิสัยใจคอ อารมณ์ จากแม่ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว
แต่น้อยคนที่จะฉุกคิดว่า เด็กซึมซับความสำนึกเกี่ยวกับพระเจ้าจากตัวแม่ตั้งแต่ในครรภ์แล้วเช่นกัน
หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง พระเจ้ามีบทบาทและมีความสำคัญแค่ไหนในชีวิตแม่ เด็กก็จะซึมซับไว้ ก่อนที่ถือกำเนิดมาด้วยซ้ำ
การปลูกฝังความศรัทธาในพระเจ้าและในศาสนาที่รอไปเริ่มตอนที่เด็กจะเรียนคำสอนอาจจะช้าไปแล้ว
เพราะการอบรมเด็ก ต้องเริ่มทำก่อนที่เด็กจะเกิดอย่างน้อยยี่สิบปี จึงได้ผล.