รักไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย
“มีรักก็มีทุกข์”
เพื่อนรุ่นน้องที่คุ้นเคยกัน พูดออกมาหลังจากถอนหายใจใหญ่ติดๆ กันหลายครั้ง
“ผมไม่เคยคิดเลยว่า รักแล้วจะทำให้เกิดทุกข์ ก่อนนี้ผมเคยคิดว่าความรักคือสิ่งที่ดีที่สุด และทำให้ผู้รักมีความสุข... แต่พอรักเข้าจริงๆ มันทรมานและเจ็บปวดใจ”
“มันอาจจะไม่ใช่ความรักแท้ก็ได้” ผมคิดและพูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะแววตาเพื่อนมีความเจ็บปวดอย่างที่บอก แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า รักแล้วทำไมต้องทุกข์
“คุณไม่เคยมีความรัก ไม่มีวันเข้าใจหรอก” เพื่อนมองผมอย่างเข้าใจ “ก็เพราะเป็นความรักแท้นี่สิจึงต้องเป็นทุกข์”
“ไปรักเขาข้างเดียวหรือเปล่า? ” ผมพยายามจะเข้าใจ
“เรารักกันและมีใจให้กัน ทุกครั้งที่พูดคุยกัน เธอก็บอกว่ารักผมคนเดียว ยืนยันด้วยว่ามีผมคนเดียวในดวงใจ แต่ทำท่าสนิทกับคนนั้นคนนี้ให้เห็น แถมมาคุยความดีความน่ารักของคนนั้นคนนี้ให้ฟังเสร็จสรรพ อยู่กับผมแต่กลับคุยถึงเค้า แรกๆ ผมก็ไม่คิดอะไร แต่บ่อยเข้าผมเริ่มไขว้เขว... พอบอกว่าผมรู้สึกอย่างไร เธอก็บอกว่าผมคิดมาก เธอไม่ได้คิดอะไร...”
“เธออาจจะไม่ได้คิดอะไรจริงด้วย” ผมคิดได้แค่นั้นอีกแล้ว
“เธออาจจะไม่คิดอะไร แต่อย่างน้อยเธอน่าจะคิดถึงความรู้สึกของผมบ้าง คนเรารักกันน่าจะคิดถึงความรู้สึกของกัน ที่ร้ายพอผมขอร้องให้เธอเลิกสนิทและสนใจคนนั้น เธอก็บอกว่าที่เธอสนิทและสนใจคนนั้นเพราะเห็นใจ สงสาร ที่ตัวคนเดียว ไม่มีใครสนใจ... ผมก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ น้อยใจที่เธอสนใจความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของผมที่เธออ้างว่ารัก ซึ่งถ้าเธอรักผมจริงเธอก็น่าจะแคร์ความรู้สึกของผมมากกว่า และคิดว่าแม้เธอจะไม่คิดอะไรกับคนนั้น แต่เห็นว่าการกระทำเช่นนั้นทำให้ผมเฮิร์ต เธอก็น่าจะเลิก...”
“เธอก็น่าจะเลิกนะ เพราะรักคือเลือก รักใครคนหนึ่งก็เลือกคนนั้น แคร์ความรู้สึก รับรู้ความรู้สึก และเลือกความรู้สึกคนนั้นก่อนความรู้สึกคนอื่น” ผมเห็นด้วย
บางครั้งผมก็มาคิด ความรักเป็นการเลือก และเพื่อจะเลือกได้จำต้องมีหลายคนให้เลือก ดังนั้นถ้าเธอเลือกรักเราก็แสดงว่าเธอรักเรา ทั้งๆ ที่เธอสามารถรักคนอื่นได้หลายคน เพราะฉะนั้นถ้าเรียกร้องให้เธอสนใจเราคนเดียวรักเราคนเดียว เธอก็ไม่มีการเลือก เมื่อไม่มีการเลือกก็ไม่มีความรัก ผมจึงทำใจปล่อยเลยตามเลยและคิดว่า หากเธอรักเราจริงเธอก็คงเลือกเราอยู่แล้ว แต่ถ้าเธอไม่รักเรา แม้จะบังคับหรือขอร้องเธอไม่ให้สนใจคนอื่น เราก็ไม่ได้ใจของเธออยู่ดี... คิดอย่างนี้แล้วผมก็ทำใจได้ แต่ก็ไม่วายเป็นทุกข์...อาจจะเป็นเพราะผมรักเธอมากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้...”
“หรืออาจจะเป็นเพราะคุณคิดครอบครองเธอมากเกินไปก็ได้ จริงๆ แล้ว รักน่าจะเป็นอิสระ เมื่อใดที่ความรักเป็นการครอบครอง ความรักนั้นมีตัณหา เมื่อมีตัณหาก็เกิดความทุกข์หากไม่สามารถจะครอบครองได้” ผมเห็นของผมอย่างนี้
“แต่นั่นเป็นวิสัยของความรักไม่ใช่หรือ? เมื่อเรารักกันเราก็เป็นของกันและกัน” เพื่อนแย้ง
“ฟังดูเหมือนคนเป็นสิ่งของ รักกันก็ต้องเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกัน... ที่บอกว่าเรารักกันเราก็เป็นของกันและกันนั้นมันให้ความรู้สึกไม่ดีเลย จริงๆ แล้วความรักไม่มุ่งเป็นเจ้าของแต่มุ่งที่จะให้ เพราะนั่นคือธรรมชาติของความรัก รักใครก็อยากจะให้เค้าทุกอย่าง แม้ชีวิตก็ไม่คิดเสียดาย ดังนั้นพูดว่า “ฉันรักเธอ” จึงเท่ากับพูดว่า “ฉันให้เธอ” นั่นเอง เรารักกันและกันจึงน่าจะเป็น “ฉันให้เธอ เธอให้ฉัน” มากกว่าจะเป็น “เธอเป็นของฉัน ฉันเป็นของเธอ”
ที่จริงแล้ว การให้ไม่ก่อให้เกิดทุกข์ ตรงข้ามมีแต่นำความสุขความยินดี และแม้ว่าการให้นั้นต้องมีการเสียสละ การเสียสละก็ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกขาด แต่กลับให้รู้สึกอิ่มเอม การครอบครองต่างหากที่นำความทุกข์ ทันทีที่ต้องสูญเสียแม้เล็กน้อยก็เกิดความรู้สึกขาด และความขาดก่อให้เกิดความทุกข์ แม้แต่ความคิดว่าจะต้องสูญเสีย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สูญเสียอะไร ก็ก่อให้เกิดความทุกข์มหันต์แล้ว
ในเมื่อรักกันีการเน้นการ “เป็นเจ้าของ” มากกว่า “การให้” การเลยมุ่งแต่จะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและนั้นการหึงหวงก็ตามมา ความระแวง ความสงสัย ความไม่ไว้วางใจกัน ...ความทุกข์ก็เกิดขึ้น เพียงแค่ความคิดว่าจะต้องสูญเสียเขาไปก็เหมือนกับตกนรกทั้งเป็นแล้ว ก็เลยต้องสร้างมาตรการร้อยแปดเพื่อประกันความมั่นใจ บ้างก็ต้องตั้งกฎตั้งข้อห้ามที่ต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด บ้างก็เรียกร้องให้ได้เสียก่อนจะแต่งเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ บ้างก็มาถึงขั้นเด็ดขาด “ถ้าฉันไม่ได้เธอ คนอื่นก็ไม่ต้องได้เธอด้วยเหมือนกัน” โศกนาฏกรรมที่เป็นข่าวคราวมีให้เห็นกันออกบ่อย”
“ผมว่าคุณไม่เคยแล้วนะ ทำไมรู้เกี่ยวกับความรักดีกว่าผมอีก” เพื่อนผมเปรยเสียงอ่อยๆ
“ไม่รู้ซี แต่ส่วนตัวผมคิดว่ารักไม่น่าจะต้องทุกข์ ที่ทุข์ก็เพราะไม่รู้จักรักต่างหาก คุณว่ามั้ย”.