Way of Spirit|6 page 4

ภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้า



พระเยซูเจ้า นักกินนักดื่ม1

พระเยซูเจ้าทรงรับเชิญไปทานอาหารบ่อยครั้ง ทรงกินและดื่มกับคนร่วมโต๊ะ เมื่อพระองค์ทรงเรียกให้เลวีติดตามเป็นศิษย์ของพระองค์ เขาได้ จัดเลี้ยงใหญ่ในบ้านของตนเป็นเกียรติแด่พระองค์ คนเก็บภาษีและคนอื่น จำนวนมากมาร่วมโต๊ะด้วย 30บรรดาชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ของเขาเหล่านั้นกล่าวด้วยความไม่พอใจกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ว่าทำไมท่านทั้งหลายจึงกินอาหารและดื่มกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า (ลก 5,29)


ในพระวรสารโดยน.ลูกา มีการพูดถึงงานเลี้ยงที่พระเยซูเจ้าทรงไปร่วมด้วยบ่อยครั้ง พระเยซูเจ้าไม่ทรงถือพระองค์ นั่งโต๊ะกินและดื่มกับคนเก็บภาษีและคนบาป ฟารีสีและเพื่อนๆที่หลากหลายฐานะ ฟาริสีส่วนใหญ่รู้สึกเป็นที่สะดุดที่เห็นพระเยซูเจ้าทรงกินและดื่มร่วมกับคนเก็บภาษี แม้กระทั่งยอห์นผู้ทำพิธีล้างก็ยังทำตัวแตกต่างจากพระเยซูเจ้าโดยสิ้นเชิง


ยอห์น ผู้ทำพิธีล้างเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ไฝ่การบำเพ็ญ “ ยอห์นแต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ ใช้หนังสัตว์คาดสะเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า(มก 1,6) เมื่อทำพิธีล้างให้พระเยซูเจ้า ยอห์นคงเห็นว่าพระเยซูเจ้าเป็นสืบทอดจิตตารมณ์ของเขาได้ แต่เมื่อเขาอยู่ในคุก เขาเริ่มเป็นห่วงและไม่แน่ใจเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าเสียแล้ว สิ่งที่พระองค์ทรงแตกต่างกับเขาโดยสิ้นเชิงคือ พระเยซูเจ้าไม่ป่าวประกาศการตัดสินของพระเจ้า แต่ประกาศการมาถึงแห่งพระอาณาจักของพระเจ้า ประกาศว่าพระเจ้าทรงพระเมตตาและทรงความดีอย่างไม่มีขอบเขต พระเยซูเจ้าเทศน์สอนภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่เมตตาและพากเพียร ทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่ ล้วนแต่น่าพิศวง ทั่วทุกแห่งหนมีการพูดถึงคนป่วยที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาให้หาย เพราะเหตุนี้ ยอห์นจึงได้ส่งคนไปถามพระเยซูเจ้า “ท่านคือผู้ที่ต้องเสด็จมาหรือเรายังต้องรออีกผู้หนึ่ง” (มธ 11,3) พระเยซูเจ้าทรงทำให้ผู้ที่ยอห์นส่งมาได้รู้ได้เห็นว่าสิ่งที่ประกาศกได้กล่าวทำนายไว้นั้นบัดนี้เป็นความจริง แล้วทรงเสริมว่าจงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น คนตาบอดกลับแลเห็น(อสย 29,18) คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน(อสย 35,5)คนตายกลับคืนชีพ(อสย 26,19) คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี(อสย 61,1)” (มธ 11,5) พระเยซูเจ้าทรงทราบดีว่า สำหรับชาวยิวที่เคร่งครัดต่างก็พากันรู้สึกเป็นที่สะดุดเพราะพระองค์ไม่ได้พยายามเป็นตามที่พวกเขาคาดหวัง เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงได้ตรัสเสริมว่า “ผู้ที่ไม่แคลงใจในเราย่อมเป็นสุข" (มธ 11,6)


แล้วนั้น ขณะที่ผู้ที่ยอห์นได้ส่งมากำลังเดินทางกลับ พระองค์ได้ตรัสถึงความแตกต่างระหว่างพระองค์และยอห์นว่า “ยอห์นมา ไม่กิน ไม่ดื่ม เขาก็ว่าคนนี้มีปิศาจสิงบุตรแห่งมนุษย์มา กินและดื่ม เขาก็ว่าดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาปแต่พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยกิจการ" (มธ 11,18) เห็นได้ชัดว่า ทั้งยอห์น ทั้งพระเยซูเจ้า ต่างก็ไม่สามารถทำให้ผู้คนพอใจได้เลย คนพากันถือว่ายอห์นถูกปีศาจสิงเพราะพวกเขาไม่ยอมรับรูปแบบชีวิตที่ยอห์นเสนอให้เห็นเป็นแบบอย่าง สำหรับพวกเขา การกล่าวยืนยันว่ายอห์นถูกปีศาจสิงจึงเป็นวิธีแก้ตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องดำเนินในรูปแบบเคร่งครัด จริงจัง แต่ชีวิตของพระเยซูเจ้าไม่มีอะไรส่อให้เห็นว่าใฝ่การปฏิบัติเคร่งครัดเลย ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงกินและดื่มเหมือนทุกคน พวกเขาจึงกล่าวหาว่าพระองค์เป็นนักกินนักดื่ม พวกเขาตำหนิรูปแบบการดำเนินชีวิตของพระองค์ ถือว่าพระองค์สนใจแต่ความสะดวกสบาย ปล่อยเนื้อปล่อยตัว


เนื่องจากพระเยซูเจ้าทรงกินและดื่มร่วมกับคนบาป พวกเขาจึงถือว่าพระองค์ไม่ได้เป็นประกาศกตามกล่าวอ้าง สิ่งที่พวกฟารีสีรู้สึกเป็นที่สะดุดมากกว่าหมดคืออิสรภาพภายในของพระเยซูเจ้า ซึ่งสะท้อนเผยให้เห็นมุมมืดในตัวพวกเขา เพราะพวกเขาถือพระบัญญัติ ไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้า แต่เพื่อให้รู้สึกว่าพวกเขาดีกว่าคนอื่น พระเยซูเจ้าทรงกระชากหน้ากากพวกเขา เผยให้เห็นเจตนาแอบแฝงที่อยู่เบื้องหลัง


พระเจ้าทรงดีกับทุกคนและทรงเมตตาต่อคนบาป ดังนั้น ใครก็ได้สามารถร่วมโต๊ะอาหารกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงรับประทานอาหารกับฟารีสี แต่พระองค์ไม่ทรงรังเกียจให้คนที่ฟารีสีรังเกียจร่วมทานอาหารกับพระองค์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับวงการศาสนาในสมัยนั้น เพราะในสมัยนั้น คนที่ถูกถือว่าเป็นคนบาป ไม่ใช่คนที่ทำผิดพระบัญญัติของพระเจ้าและดำเนินชีวิตขัดต่อหลักศีลธรรมเท่านั้น แต่คนที่ทำงานที่คนธรรมดาถือรังเกียจ งานที่ไร้เกียรติรวมถึง “การเล่นลูกเต๋า การปล่อยเงินกู้ การพนันแข่งนกพิราบ รวมทั้งคนทำอาชีพเลี้ยงสัตว์ คนเก็บภาษี คนเก็บส่วย ช่างเชื่อม คนตัดขนแกะ คนผ่าตัด คนเล็มขนสัตว์ให้สั้น แม้กระทั่งหมอ กาลาสี คนขนส่ง คนต้อนอูฐ คนฆ่าสัตว์” (Grundmann) พระเยซูเจ้าไม่เคยตัดใครออกไปจากพระอาณาจักรของพระเจ้าเพียงเพราะอาชีพที่ทำหรือเพราะวิถีชีวิต พระองค์ทรงประกาศข่าวดีให้ทุกคนว่าแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว และเพื่อเข้าสู่พระอาณาจักรแต่ละคนต้องกลับใจและเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่


พระเยซูเจ้าไม่ต้องใช้วิธีการดำเนินชีวิตแบบใฝ่ความเคร่งครัดเพื่อแสดงให้เห็นถึงชีวิตจิตของพระองค์ พระองค์ทรงรู้สึกเป็นอิสระที่จะกินและไม่กิน พระองค์ไม่ปฏิเสธการถือศีลอดอาหาร แต่พระองค์ไม่ทรงทำเพื่ออวดใคร พระเยซูเจ้าทรงเป็นอิสระที่ร่วมงานฉลองกับผู้คนที่ไม่เข้าข่ายกฎเกณฑ์ทางศาสนาในสมัยนั้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นพระเจ้าในตัวพระองค์ ในฐานะที่ทรงมาจากพระเจ้า พระองค์ไม่กลัวที่จะอยู่กับคนที่ถูกเหยียดหยามว่าเป็นคนบาป เพราะพระองค์มีความชัดเจนในตัว พระองค์จึงไม่ต้องคอยอยู่ห่างจากคนที่ดำเนินชีวิตไม่สู้จะโปร่งใสนัก พระองค์ไม่ต้องเสี่ยงว่าจะติดมลทินเมื่อต้องอยู่กับคนที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ความบริสุทธิ์ของพระองค์มาจากความสัมพันธ์ที่พระองค์ทรงมีกับพระเจ้า พฤติกรรมของพระเยซูเจ้าจึงไม่ส่อให้เห็นถึงความกลัวใดๆ ที่อาจจะไปบดบังอิสรภาพภายในของพระองค์ได้ พระองค์จึงไม่กลัวที่กินและดื่มเหมือนทุกคน ไม่กลัวคนที่ร่วมกินร่วมดื่มกับพระองค์ พระองค์ทรงมีความมั่นใจในตนเองสูง หนักแน่นในความตระหนักที่ว่าการติดต่อกับคนอื่นไม่ทำให้พระองค์ต้องมีวิกฤติ เหนือสิ่งอื่นใด พระเยซูเจ้าไม่กลัวคำตัดสินของผู้อื่น ไม่แสวงหาความเห็นชอบและการรับรองจากผู้ใหญ่ฝ่ายศาสนาหรือจากบุคคลที่พระองค์ทรงร่วมชีวิตด้วยสำหรับการกระทำแต่ละอย่างของพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นผู้สนับสนุนพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นจุดอ้างอิงสำหรับพระองค์ ดังนั้น พระองค์จึงสามารถทำทุกอย่างที่ทรงเห็นว่าถูกต้องได้อย่างอิสระ


ฉันต้องสังเกตเรื่องการกินการดื่มของฉัน ฉันสามรถกินและดื่มอย่างมีรสชาติหรือไม่? หรือได้แต่กลืนอย่างเดียว? ฉันระบายความเสียใจ ความโกรธ ความไม่พอใจด้วยการกินและดื่มหรือเปล่า?


วันนี้ฉันจะทานอาหารช้าๆ สำนึกในสิ่งที่กำลังทำ ลิ้มรสชาติอาหารทุกคำ เพื่อจะได้สัมผัสพระทัยดีของพระเจ้าและความน่ารักของคน


ฉันสามารถที่จะอดอาหารและลิ้มรสสิ่งที่ฉันกินและดื่มหรือไม่? เมื่อฉันสละหรืออดอาหาร ฉันคิดอย่างไรถึงคนที่ไม่อดอาหารหรือไม่ทำอย่างที่ฉันทำ? มีความปรารถนาและการเรียกร้องที่แอบแฝงเกิดขึ้นในตัวฉันหรือเปล่า? พระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติเคร่งครัด กระนั้นก็ดี พระองค์ทรงฉายความดีและความเมตตาออกมา จนกระทั่งสามารถเปลี่ยนแปลงพระศาสนจักรและโลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะพระองค์ทรงเข้าถึงลักษณะพื้นฐานแห่งชีวิตของพระเยซูเจ้านั่นเอง .



1 Alselm Grün, Nuovi volti di Gesù.