Deep Thoughts|4

ความลงตัว


ไปร้านตัดผมแต่ละครั้ง เจอกับช่างทำผมหลากหลายประเภท

บางคนก็ก้มหน้าก้มตาตัดผม ไม่พูดไม่จา

ชวนคุยได้คำสองคำแล้วผมก็ปิดตา ทำเป็นหลับ

ไม่อึดอัดทั้งคนตัด ไม่อึดอัดทั้งคนถูกตัด

บางคนก็พูดไม่หยุด ตัดไปพูดไป แถมใส่อารมณ์เสร็จสรรพ

แค่พูดถึงฟุตบอลไทยที่แพ้อย่างไม่เป็นท่า แกเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด

กรรไกรที่ซอยผมอยู่เร่งจังหวะไปพร้อมกับการบรรยาย...ฉับ ฉับ ฉับ

จนผมต้องนั่งเกร็ง กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอแสนจะฝืด ปากก็เออออทำเป็นเห็นด้วย ร่วมความเดือดดาลไปกับแก...อย่างเลี่ยงไม่ได้

ส่วนใจนั้นภาวนาขอให้แกสงบอารมณ์ลงบ้างตอนที่หยิบมีดโกน เริ่มโกนไปตามคอ ด้านหน้าแล้วก็ด้านหลัง...กกหู ใบหน้า คาง

พอแกเอาผ้าขนหนูปิดไหล่ออก ก็ให้รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก เผลอถอนหายใจเสียงดังจนลืมมารยาท

หลังเสื้อแฉะด้วยเหงื่อ ทั้งๆ ที่นั่งห้องแอร์เย็นฉ่ำ

ไม่เคยสบายใจเมื่อต้องจ่ายเงินเท่ากับครั้งนั้นเลย

บางคนก็เฉยๆ พอชวนคุยเข้าหน่อย ถูกคอ เลยใช้เวลาตัดผมเสียนาน

ลงท้ายนวดไหล่ นวดแขน หักนิ้ว พนมมือเคาะหัวเคาะหน้าผากแถมให้อีกต่างหาก

แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะทำเหมือนกันหมดคือ ถามความประสงค์ของลูกค้า

ตัดทรงอะไรดีครับ?”

ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะมีทรงผมที่นิยมของตนอยู่แล้ว

ก็เลยเป็นความสบายใจสำหรับช่างผม ตัดไปตามคำสั่ง ไม่ต้องกังวลว่าจะเหมาะดีหรือไม่

แต่ก็มีลูกค้าบางคนให้ช่างช่วยคิดช่วยตัดสิน

ตัดทรงไหนให้เข้าบุคลิกก็แล้วกัน...ให้ดูดีที่สุดเป็นใช้ได้”

ช่างดูจะพึงพอใจ เพราะนอกจากจะรู้สึกได้รับความไว้วางใจแล้ว ยังสามารถทำในสิ่งที่ดีที่สุด...สำหรับลูกค้า

ผมก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนลูกค้าประเภทที่สองนี้

เพราะเชื่อใจว่า ช่างผมคือคนที่รู้ดีว่าตัวทรงไหนจึงจะดึงสิ่งที่ดีที่สุดของผมออกมา...ไว้บนหัวผมเอง

คนเราจริงๆ แล้ว เห็นตัวเองได้ก็เฉพาะด้านหน้าและด้านหลัง จากกระจกเงา

แต่ไม่สามารถจะเห็นภาพรวมของตัวเราได้ทุกแง่ทุกมุม...ในเวลาเดียวกัน

บางอย่างที่มองว่างดงามตามที่กระจกเงาสะท้อนให้เห็น อาจจะดูไม่เอาไหนเลยในภาพรวม

และคนเราชอบเน้นเฉพาะบางส่วนเสียด้วย

แต่งหน้าก็จะแต่งให้เลิศ โดยไม่ดูว่ารับกับทรงผม รูปร่าง...หรือไม่

ตัดผมทำผมก็เน้นแค่ทรงผมที่กำลังฮิต โดยไม่คำนึงสัดส่วนอื่นๆ ว่าเข้ากันได้หรือไม่

ทรงผมหนึ่งดูเก๋บนหัวหนึ่ง แต่อาจจะดูน่าขำบนอีกหัวหนึ่งก็ได้

แม้กระทั่งท่าทางการเดินเหิรก็เป็นตัวแปรสำคัญไม่น้อยทีเดียว

บางอย่างดาราหรือนางแบบเขาแต่งเขาใส่ดูงดงามกลมกลืนแลเท่ห์มีเสน่ห์... คนอื่นก็พากันเลียนแบบมาแต่งมาใส่บ้าง คิดว่าผลจะออกมาเหมือนกัน

แต่นอกจากจะไม่งดงามไม่เท่ห์ไม่มีเสน่ห์แล้ว ยังกลายเป็นตัวตลกไปโดยไม่รู้ตัว

จนหลายคนเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะว่า (ในใจ) “ไม่เจียมตัวเสียเลย...”

เกิดมาผมสวยดกดำ ใช้ยาสระผมอะไรก็เป็นเงางามอยู่แล้ว...

ส่วนคนที่ผมไม่สวย จะใช้ยาสระผมที่นางแบบโฆษณาเขาใช้กี่ยี่ห้อ ก็คงต้องเสียเงินเปล่า แล้วยังต้องมาเสียความรู้สึกอีก

ที่จริงแล้ว พระเจ้าท่านสร้างแต่ละคนมามีความงดงามของตนเองอยู่แล้ว

เคล็ดลับอยู่ในการที่จะดึงจะเน้นความงดงามนั้นออกมาได้อย่างไร ได้มากน้อยแค่ไหน ให้ดูลงตัวที่สุด...เท่านั้นเอง

เพราะความงดงามนั้นเป็นแค่นามธรรม และไม่มีใครสามารถกำหนดมาตรฐานความงดงามสากลขึ้นมาได้

ดาราและนางแบบมีไว้ไม่ใช่เพื่อ “ลอกเลียนแบบ” แต่น่าจะเป็น “แบบอย่าง” ของการรู้จักดึงความงดงามที่มีอยู่ในแต่ละคนให้เด่นออกมา เป็นความลงตัวที่มีเสน่ห์ต่างหาก.