ภาวนาพระวาจา
ศักเคียส1
พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำลังจะเสด็จผ่านเมืองนั้น ชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษี เป็นคนมั่งมี เขาพยายามมองดูว่าใครคือพระเยซูเจ้า แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมีคนมากและเพราะเขาเป็นคนร่างเตี้ย เขาจึงวิ่งนำหน้าไป ปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศ เพื่อให้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์กำลังจะเสด็จผ่านไปทางนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงที่นั่น ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรตรัสกับเขาว่า “ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักที่บ้านท่านวันนี้” เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า “เขาไปพักที่บ้านคนบาป” ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะยกทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้แก่คนจน และถ้าข้าพเจ้าโกงสิ่งใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้เขาสี่เท่า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วย บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น” (ลก 19,1-10)
“พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโค”
เยรีโคเป็นเมืองมั่งคั่ง เมืองตากอากาศ
ต้นปาล์ม ดอกกุหลาบ และอากาศสดชื่นดึงดูดคนมั่งมีให้แวะเวียนมา ในเวลาเดียวกันก็มีคนยากจนที่มาขอเศษเงินหรือเก็บสิ่งที่คนมั่งมีทิ้งขว้าง
พระองค์wfhประทานความยินดีให้แก่คนตาบอดสองคนในเมืองนี้ เลยทำให้มีฝูงชนติดตาม ร้องแซ่ซ้องสรรเสริญพระองค์ ทว่า พระองค์ทรงมองด้วยสายตาของพระเจ้า ทรงติดตามชายคนหนึ่ง ซึ่งถูกถือว่าเป็นคนบาป และพระองค์เสด็จมาที่เมืองเยรีโคก็เพื่อเขา เขาเป็นคนร่างเล็ก ทั้งงกและโลภ เห็นอะไรเป็นธุรกิจไปหมด คนในเมืองเลยไม่ชอบสุงสิงด้วย เขาเป็นหนึ่งในหลายคนที่ตั้งเงินเป็นเป้าหมายชีวิต
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกขอบคุณพระองค์ที่เสด็จมาที่เยรีโคเพื่อชายคนนี้ ซึ่งลูกเองก็เคยดูถูกเหยียดหยาม แต่พระองค์ทรงใช้เขาเพื่อสอนลูกว่าลูกควรจะรัก ควรเข้าหาและควรปฏิบัติอย่างไรกับคนบาป
เขาจึงวิ่งนำหน้าไป ปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศ เพื่อให้เห็นพระเยซูเจ้า
ข้าแต่พระอาจารย์ เขาไม่รู้ว่าพระองค์กำลังติดตามเขาอยู่ ดังที่พระองค์ทรงติดตามคนยากจน คนบาปแต่ละคน
ในตัวเขาเวลานั้นเต็มด้วยความอยากรู้อยากเห็น และอาจจะคิดอยู่แค่นั้น แต่พระองค์ทรงตั้งใจจะช่วยวิญญาณเขาทันที เพียงแค่ให้เขาก้าวแรกออกมาด้วยน้ำใจดี แม้จะเป็นก้าวสั้นๆ แม้จะเป็นก้าวที่เต็มด้วยความน่าสมเพช
เขาอยากจะเห็นพระองค์ เขาอาจจะเคยได้ยินคนพูดถึงคำเทศน์ของพระองค์ เขาอาจจะได้ยินคนร่ำลือเกี่ยวการที่พระองค์ทรงรักษาคนตาบอดที่หน้าประตูเมือง หรืออาจจะเป็นความปรารถนาจริงใจที่จะพบพระองค์ก็ได้ แม้อาจจะรู้สึกลึกๆในใจว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ กระนั้นก็ดี เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าอย่างน้อยจะต้องเห็นพระอาจารย์ให้ได้
หลายคนเมื่อมองขึ้นไปบนต้นไม้คงอดหัวเราะไม่ได้ที่เห็นคนใหญ่คนโตที่ทำหน้าที่เก็บภาษีของประชาชนกำลังปีนป่ายตามกิ่งไม้เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
พระองค์ทรงให้รางวัลน้ำใจดีของเขา
พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรตรัสกับเขาว่า “ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักที่บ้านท่านวันนี้”
ลองคิดถึงความรู้สึกของเขาในตอนนั้น เมื่อเขาสบตากับพระองค์
พระองค์คงได้หัวเราะด้วยความขบขันในขณะที่ตรัสคำเหล่านี้ ใบหน้าของพระองค์มีความเป็นเพื่อน ดีใจ
พระองค์ทรงเป็นเพื่อนของคนบาป
พระองค์ทรงทำตัวเท่าเทียมคนบาป
ทรงทำเหมือนกับเพื่อนของคนตกระกำลำบากมาช้านาน
ลูกชื่นชมมากเมื่อพระองค์ตรัสว่า พระองค์ “จะไปพักที่บ้าน” ของเขา ทำไมจึงตรัสเช่นนั้น พระเจ้าข้า? ก็เพราะพระองค์ทรงรักเขา
ในเมืองเยรีโคมีหลายคนที่เป็นคนดีและสมควรจะได้รับการเยี่ยมเยียนจากพระองค์ แต่พระองค์กลับไปพักที่บ้านของเขาคนนี้ เพราะเขาเป็นลูกแกะหลงฝูง พระองค์จึงทรงออกตามหา เพราะเขาตกระกำลำบาก พระองค์จึงต้องไปหาถึงที่บ้าน
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกขอโมทนาคุณพระองค์ ที่ใต้ต้นไม้นั้นพระองค์ได้แสดงให้ลูกเห็นว่าดวงพระทัยของพระองค์ทำด้วยอะไร โปรดให้ลูกจดจำภาพนี้ไว้ในใจตลอดไป สำหรับตัวลูกเอง และสำหรับผู้อื่นด้วย
เขาคงตกใจ อดคิดไม่ได้ว่า จะเป็นไปได้อย่างไร? ฉันเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า? พระองค์อยากจะมาพักที่บ้านฉันหรือนี่? เจาะจงมาบ้านฉันคนเดียว?
เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี
ศักเคียสตื่นเต้นยินดีจนทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่เคยคิดเลยว่าพระเจ้าจะทรงเมตตาเขาถึงขนาดนี้ พระเจ้าทรงรักแม้ว่าเขาจะเป็นคนบาป เขานึกไม่ถึงว่าพระเจ้าจะทรงตามหาคนบาปแต่ละคน เหมือนกับที่ได้ตรัสไว้ว่านายชุมพาบาลจะทิ้งฝูงแกะไว้ในที่ปลอดภัยและออกตามหาแกะหนึ่งตัวที่พลัดฝูง หากพระสงฆ์และผู้รับเจิมสามารถสร้างความตระหนักใจให้แก่คนบาป โดยเฉพาะคนที่น่าสงสารกว่าหมด ว่าพระเจ้ากำลังตามหาพวกเขา พระองค์ทรงรักพวกเขามาก ก็ถือว่าเป็นการประกาศข่าวดีของพระเจ้าแล้ว
ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดเรียกคนที่มีน้ำใจดีให้มาเป็นความรักของพระองค์สำหรับเพื่อนพี่น้อง โปรดทำให้พวกเขาเข้าใจในความรักของพระองค์และสามารถทำให้คนอื่นได้เข้าใจในความรักนี้ด้วย
ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า “เขาไปพักที่บ้านคนบาป”
พระองค์ไม่ทรงสนพระทัยคำวิพากษ์วิจารณ์ ทรงทำเหมือนกับว่าคำพูดเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับพระองค์ แต่ลูกมักจะให้ความสำคัญแก่คำพูดของคนอื่นมากเกินไป ให้ความสำคัญแก่สิ่งที่พวกเขาพูดเกี่ยวกับลูก คอยแต่จะสนใจว่าพวกเขาเห็นด้วยหรือไม่กับสิ่งที่ลูกเป็นและลูกทำ
บัดนี้ลูกเข้าใจแล้วว่า เพื่อจะเป็นสาวกที่ดีลูกต้องให้ความสำคัญแก่สิ่งที่พระองค์คิด แก่เสียงที่พระองค์ตรัสในความเงียบแห่งมโนธรรมของลูก
บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกขอโมทนาคุณพระองค์สำหรับสิ่งที่พระองค์ตรัสในบ้านของศักเคียส เป็นคำพูดที่น่าจดจำ
เป็นคำพูดที่สะท้อนถึงจิตใจของพระองค์ ทำให้ลูกรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นใคร ทรงประสงค์อะไร และลูกต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้เหมือนกับพระองค์
พระองค์ทรงเป็นความรอดสำหรับผู้ที่หลงผิดไป สำหรับผู้สิ้นหวัง สำหรับผู้ที่ไม่มีความสุข สำหรับผู้ที่สับสน
พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างสำหรับผู้ที่เสาะหา ทรงเป็นความบรรเทาของผู้ต่อสู้ดิ้นรน ทรงเป็นความยินดีสำหรับผู้ที่ได้พบพระองค์ พระองค์ทรงออกหาและช่วยให้ทุกคนรอด พระองค์ไม่รอแต่ทรงออกไปตามหาคนบาป
พระองค์ทรงลดพระองค์ลงมาเพื่อช่วยทุกคน ทรงมาพบกับคนบาปในความสมเพชน่าสารและความขัดสนของพวกเขา พระองค์ทรงตามหาคนบาปโดยไม่นำพาต่อสิ่งใดหรือผู้ใด พระองค์ไม่สนใจว่าคนอื่นจะว่าอย่างไร ทรงเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียชื่อเสียงอันดีงามที่คนอื่นชื่นชม ยกย่อง พระองค์ทรงทำเหมือนกับว่างานของพระองค์สำหรับคนดีมีความสำคัญน้อยกว่างานของพระองค์สำหรับคนบาป และเพื่อไปตามหาคนบาป พระองค์กล้าเสี่ยงทำตัวเป็นที่สะดุดสำหรับคนที่คิดว่าตนเองดีและชอบธรรมแล้ว
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทำถึงขนาดนี้?
เพราะพระองค์ทรงเป็นความรักและความรักมีไว้เพื่อการนี้ ยิ่งเห็นว่าคนทนทุกข์ทรมาน พระองค์ก็ยิ่งจะทรงลดพระองค์ลงมาหาเขา ความรักมุ่งไปที่คนน่าสมเพชมากกว่าหมด ความรักทนไม่ได้ ยิ่งให้ความรักก็ยิ่งเห็นว่าต้องให้ความรักมากขึ้น .
1 Andrea Gasparino