Way of Spirit|3 3 no 05 part 2

ภาค 2

การไตร่ตรองทางเทววิทยาด้านการอภิบาล



.โครงร่างและขบวนการไตร่ตรอง


50.เป็นวัตถุประสงค์ของการไตร่ตรองทางเทววิทยา ด้าน การอภิบาลนี้ ที่จะช่วยให้คำตอบด้านความเชื่อต่อคำถามข้างต้น สิ่งนี้กระทำโดยการเพ่งรำพึงข้อมูลจากพระคัมภีร์และคำสอนของพระศาสนจักร ด้วยการคิดถึงเรื่ององค์ประกอบส่วนใหญ่ของสถานการณ์การอภิบาลที่ท้าทายพันธกิจงานประกาศพระวรสารของพระศาสนจักร โครงร่าทั่วไปจะเป็นดังนี้คือ เรื่องชีวิต ความเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และการแพร่ธรรมตามเนื้อหาดังต่อไปนี้

.ต่อวัฒนธรรมแห่งความตายในสถานการณ์ของเอเซี เราตอบสนองด้วยการนำเสนอวิสัยทัศน์ของวัฒนธรรมแห่งชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งไปยังเรื่องการแต่งงานและครอบครัว เราวาดภาพวัฒนธรรมแห่งชีวิตที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ชีวิตแห่งพันธสัญญากับพระเจ้าขณะที่มีคุณค่าของอาณาจักรพระเจ้า เช่น ความรัก, ความเป็นหนึ่งเดียวและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในระหว่างผู้คนครอบครัวและสังคมมีอยู่ทั่วไป

.เรานำเสนอวัฒนธรรมแห่งชีวิตนี้ให้เป็นของขวัญทั้งยังเป็นงานที่พระเจ้าทรงมอบให้โดยทางพระเยซูเจ้าผู้ได้ทรงยกระดับชีวิตมนุษยไปยังชีวิตพระเจ้าและได้ทรงแบ่งปันชีวิตนี้ให้กับเราในพระศาสนจักรโดยทางพระจิตเจ้า

.เราได้ไตร่ตรองเรื่องพระศาสนจักรที่เป็นดังครอบครัวของพระเจ้าที่เป็นเหมือนเครื่องหมายและเป็นสัญญาแห่งชีวิตในอาณาจักรของพระเจ้า พระเยซูเจ้าและอาณาจักร-

พระเจ้าที่พระองค์ได้ทรงประกาศเป็นความเชื่อของเราที่จะตอบรับต่อวัฒนธรรมแห่งความตายที่คุกคามคุณค่าทุกประการของ พระวรสารที่ครอบครัวได้รับตั้งแต่เริ่มต้นเราได้พิจารณาว่า นี่เป็นเรื่องสำคัญในธรรมชาติพหุนิยมของครอบครัวเอเซียจำนวนมาก

.จากการเพ่งรำพึงถึงวิสัยทัศน์ของคริสตชนต่อไปอีก เราไตร่ตรองถึงเรื่องที่พระเจ้าได้ประทานคือเรื่องธรรมชาติของการแต่งงานและของครอบครัว ในด้านคุณค่าพื้นฐานของพันธสัญญา ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สิ่งที่ผลักดันการไตร่ตรองของเราคือการพิจารณาครอบครัวว่ามิใช่เป็นเพียงเป้าหมายในการประกาศข่าวดีและ นำไปให้ค้นพบเอกลักษณ์ของตนเท่านั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือเป็นผู้กระทำพันธกิจภายในครอบครัวและมีพันธกิจภายนอกกับผู้อื่นมุ่งไปสู่วัฒนธรรมแห่งชีวิตในอาณาจักรของพระเจ้า

.เพื่อให้แน่ใจว่าการรำพึงพิจารณาของเราจะเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนและบังเกิดผล เราจึงประยุกต์ใช้กับงานหลักด้านสังคม วัฒนธรรม และการท้าทายพระศาสนจักรในเอเซีย

.ขั้นตอนสุดท้ายของการรำพึงพิจารณาของเราในเรื่องครอบครัวในพันธกิจการนำไปสู่วัฒนธรรมแห่งชีวิตที่รวบรวมขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว ครอบครัวในเอเซียมีความต้อง

การด้านชีวิตจิตเพื่อจะตระหนักถึงเอกลักษณ์และกระทำพันธกิจการแพร่ธรรม



. วัฒนธรรมแห่งชีวิต


52.ขณะที่วัฒนธรรมที่กำลังเกิดขึ้นได้ให้คุณค่าด้านบวก ต่อโลกของเราเป็นอย่างมาก เป็นการท้าทายต่อครอบครัว-เอเซีย ที่จะประกาศข่าวดีและปลดปล่อยวัฒนธรรมเหล่านี้ให้เป็นอิสระโดยการเปลี่ยนให้เป็นวัฒนธรรมแห่งชีวิตเพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตมนุษย์เพื่อที่จะเข้าใจวัฒนธรรมแห่งชีวิตและความหนักหนาสาหัสในการถูกคุกคาม ศาสนาเก่าแก่และขนบประเพณีทางปรัชญาของเอเชียจะช่วยได้อย่างมาก และ แน่นอนว่าจะต้องมีการทำความเข้าใจร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การไตร่ตรองด้านการอภิบาลและเทววิทยาของเรามาจากมุมมองด้านความเชื่อในศาสนาของเราเอง จากมุมมองนี้ เราจำเป็นต้องเข้าใจและเห็นคุณค่าชีวิตมนุษย์จากภาพรวมทั้งหมด เช่นเรื่องของชีวิตเอง และศักดิ์ศรีของชีวิต ชีวิตที่เป็นของขวัญ จากพระเจ้า และชีวิตที่เป็นการแบ่งปันชีวิตของพระเจ้า ชีวิต ที่ดำรงอยู่ในทุกวันนี้ยังคงดิ้นรนอย่างไม่หยุดยั้งที่จะมุ่งไปสู่ความบริบูรณ์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางอันเป็นนิรันดร์ ชีวิต ในความบริบูรณ์ ในอาณาจักรพระเจ้าที่จะมาถึง จากการมองภาพรวมนี้ร่วมกับพระศาสนจักรสากลเราประณามทุกสิ่งที่บั่นทอนคุณค่าของมนุษย์ การหาประโยชน์จากมนุษย์และการ กดขี่ชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใด ความสัมพันธ์ โครงสร้าง สถานการณ์ พฤติกรรมหรือการกระทำที่คุกคามและลดคุณค่าของชีวิตเป็นการนำไปสู่ความตายเป็นส่วน ของวัฒนธรรมแห่งความตาย เป็นการต่อต้านพระประสงค์ ของพระเจ้าและพระอาณาจักรของพระองค์ ในทางตรงกันข้ามวัฒนธรรมแห่งชีวิต เคารพ หล่อเลี้ยง ส่งเสริม สนับสนุนและรับใช้ชีวิตมนุษย์ทุกด้านตั้งแต่ขั้นตอนการร่วมสร้าง และช่วงเวลาการปฏิสนธิรวมทั้งการดิ้นรนต่อสู้ชีวิตในโลกนี้ไปจนถึงการกลับไปหาชีวิตที่บริบูรณ์กับพระเจ้า

เมื่อถึงเวลาสิ้นสุด ในอาณาจักรของพระเจ้า จากมุมมองของชีวิตบริบูรณ์นี้ แสดงนัยอย่างลึกซึ้งถึงความหมายของ "การส่งเสริมชีวิตมนุษย์" และขอบเขตของศาสนบริการด้านครอบครัว


1.พันธสัญญาแห่งความรักและชีวิตความเป็นหนึ่งและการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน


53.พื้นฐานของวัฒนธรรมแห่งชีวิต ตามพระคัมภีร์ คือความรักของพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างและผู้ประทานชีวิตทั้งมวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตมนุษย์ ในหนังสือปฐมกาลเราถึงกับ พบความใกล้ชิดในการแบ่งปันความเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษยชาติของพระตรีเอกภาพ "ให้เราสร้างมนุษยชาติตามภาพลักษณ์ของเรา…ดังนั้น ตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขา ทั้งชายและหญิงพระองค์ไดทรงสร้าง" ดังนั้น ชีวิตมนุษย์ได้เริ่มต้นขึ้นเพราะความรักของพระเจ้า เท่านั้น ทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า ชีวิตจึงเป็นของขวัญจากพระเจ้า ด้วยเหตุผลนี้เอง ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะยากจนและเป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยามสักเพียงใด ก็ยังคงมีคุณค่าและศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเรื่องราว การสร้างในพระคัมภีร์จึงวางเรื่องการสร้างมนุษย์ไว้เป็นตอนที่สำคัญที่สุด แต่เราจำเป็นต้องรับรู้ว่าโดยคุณธรรมของการสร้างของพระเจ้า โลกทั้งโลกเป็นเครือข่ายโยงใยที่มีความสัมพันธ์พึ่งพาอาศัยกันและกัน โดยมีมนุษย์ทำหน้าที่เป็น ผู้จัดการ พร้อมกับไตร่ตรองถึงการปกครองด้วยความรักเอาใจใส่ขององค์พระเจ้าเองด้วยเหตุผลอันนี้เอง พระเจ้าทรงออกแบบสร้างตั้งแต่แรกให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสิ่งสร้างทั้งมวลมีลักษณะการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความสอดคล้องกลมเกลียวกัน สำหรับมนุษย์มีอิสระในการเลือกความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้เสมอดังนั้นจึงเป็นการป้องกันมิให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแบบจอมปลอมอย่างไร้ค่า


54.พันธสัญญาใหม่ได้เพิ่มเติมที่สุดของการออกแบบ ของพระเจ้า ที่เป็นทั้งจุดสูงสุดและเป็นหัวใจของสิ่งสร้าง ทั้งมวลคือพระคริสตเจ้า "ภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่มิอาจมองเห็นได้ บุตรหัวปีของสิ่งสร้างทั้งมวล เพราะในพระองค์สิ่งสร้างทั้งมวลถูกสร้างขึ้น…โดยพระองค์และเพื่อพระองค์" โดย พระเยซูเจ้า "พระเจ้าทรงยินดีที่จะบันดาลให้สรรพสิ่งคืนดีกับพระเจ้าโดยทางพระองค์ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่บนแผ่นดินหรืออยู่ในสวรรค์" โดยทางพระองค์ความสัมพันธ์ทั้งหมดที่หักสะบั้นไปได้กลับคืนดีกัน "ด้วยการโปรดให้ทุกสิ่งมีสันติทางพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์"


55.พันธสัญญาระหว่างพระเจ้าและประชากรผู้รับเลือก-สรรในพันธสัญญาเดิมเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของวัฒนธรรมแห่งชีวิต พระยาเวห์ผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดเงื่อนไขของสิ่งที่จะต้องทำเพื่อที่จะมีชีวิต ประชากรที่อยู่ภายใต้การปกครองยินยอม เชื่อฟังด้วยใจอิสระต่อพระประสงค์ของพระยาเวห์ แต่น่าสังเกตเป็นอย่างมากว่าความสัมพันธ์ในพันธ-สัญญานี้ถูกบรรยายด้วยคำที่แสดงถึงความใกล้ชิดในครอบครัว แม้กระทั่งความสัมพันธ์ในการแต่งงานด้วยเหตุนี้ความอ่อนโยนอย่างที่สุด และความรักอันสุดจะพรรณนาได้ที่พระเจ้าทรงเอาใจใส่และจัดให้ประชากรที่ทรงเลือกสรร "เราได้อุ้มเขาไว้ ในอ้อมแขน…เราได้นำเขาด้วยสายใยแห่งความเมตตาสงสาร ด้วยความผูกพันแห่งความรักและ…เราได้โน้มตัวลงไปหาเขาและเลี้ยงเขา" "ดังที่มารดาปลอบโยนลูกน้อยของเธอ ดังนั้นเราก็จะปลอบโยนเจ้า" ใช้แม้กระทั่งภาษาแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างเจ้าบ่าวและภรรยา คำต่อไปนี้แสดงให้เห็นตัวอย่างความอ่อนโยนของพระเจ้าผู้ทรงให้ชีวิตและความรัก ต่อประชากรของพระองค์ "เราได้เรียกเจ้าด้วยชื่อ เจ้าเป็นของเรา…เจ้ามีคุณค่าในสายตาของเรา และได้รับเกียรติ และเรารักเจ้า "พันธสัญญาแห่งความรักของพระเจ้าที่มีความสัมพันธ์แบบครอบครัวกับประชากรที่ได้ทรงเลือกสรร แสดงให้เห็นด้วยลักษณะที่มีความอดทนอันไม่รู้สิ้นสุด มีความใจดี ตั้งต้นใหม่เสมอ มีความเมตตากรุณาและการให้อภัย


56.เพราะความรักและการจัดสรรที่พระเจ้าให้กับพวกเขา พระเจ้าทรงขอให้ประชากรแห่งพันธสัญญาปฏิบัติความเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกันกับทุกคนสิ่งนี้ทำให้ต้องมีพันธกิจการรับใช้ผู้อื่น เฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีความขัดสน เด็กกำพร้า หญิงม่ายและคนแปลกหน้า ในที่สุดเมื่อความสัมพันธ์แห่งพันธสัญญาดูเหมือนจะขาดสะบั้นไป เพราะความดื้อดึงความไม่ซื่อสัตย์ พระเจ้าผู้ทรงให้ชีวิตและความรักสัญญาที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงโดยใช้คำว่า "หัวใจดวงใหม่" ที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายด้วยการทรงนำของพระเจ้า


57.ในพันธสัญญาเดิมวัฒนธรรมแห่งชีวิตเน้นให้เห็นหลักใหญ่ 4 ประการอย่างชัดเจน ชีวิตเป็นของขวัญด้วยความรักจากพระเจ้า การรวมเป็นหนึ่งเดียวและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพระเจ้าและกับผู้อื่น รวมทั้งพันธกิจการบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนจนและผู้ที่ขัดสน ดังที่พันธสัญญาเรียกร้อง และพระสัญญาของพระเจ้าถึงชีวิตบริบูรณ์มุมมองนี้จะสำเร็จไปในพันธสัญญาเดิมเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าเมื่อถึงเวลาสิ้นโลกที่ในที่สุดชีวิตของผู้ชอบธรรมปลอดภัยและความปรารถนาของมนุษย์ได้รับการเติมเต็ม



2.พระเยซูเจ้าองค์แห่งชีวิต ทรงแบ่งปัน ความรัก

ศีลมหาสนิท และการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน


58.ในที่สุดเมื่อเรามองจากข้อลึกลับของพระเยซูเจ้า ชีวิตจะบริบูรณ์เมื่อมีความหมายในการแบ่งปันชีวิตกับพระเจ้าความรักของพระเจ้านั้นไม่มีสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่และเทียบเท่าเมื่อพระองค์ทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวลงมารับสภาพความเป็นมนุษย์เหมือนเรา ยกเว้นแต่บาป เพื่อช่วยให้เรามีชีวิตนิรันดร เราเชื่อว่าพระเยซูคริสตเจ้าคือพระวาจาทรงชีวิต ทรงเป็นเจ้านายของชีวิต พระองค์ได้ทรงสละชีวิตเพื่อผู้อื่นและสามารถ "เอามันกลับคืนไปอีกครั้ง" ในขั้นสูงสุดแห่งการเปิดเผยตนเอง พระเยซูเจ้าประกาศว่า "เราคือหนทางความจริงและชีวิต" แล้วพระองค์ทรงกล่าวถึงความเชื่อ การเก็บรักษาพระวาจาของพระองค์และความใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกันใน

ความรัก "ผู้ที่รักเราจะรักษาวาจาของเราและพระบิดาของเราจะรักเขา และเราจะมาหาเขาและสร้างบ้านของเราในเขา" พระองค์ผู้ทรงเป็นองค์แห่งชีวิตเองได้ทรงบรรยายถึงพันธกิจในโลกนี้ของพระองค์ ว่าเป็นการให้ชีวิตเป็นการช่วยให้รอดพ้นที่ร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้อื่น "เรามาเพื่อให้พวกเขามีชีวิต และมีชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม" ครั้งแล้วครั้งเล่าพระองค์ได้ทรงกล่าวถึงความเกี่ยวพันระหว่างพันธกิจแห่งการมอบชีวิตของพระองค์กับ พระอาณาจักร พระอาณาจักรที่พระองค์ทรงกล่าวถึงในแบบที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงในการที่ทรงโปรดปรานคนต่ำต้อยและคนสุภาพ แม้ในเรื่องที่เกี่ยวกับ "การเกิดใหม่" ซึ่งเป็นไปไม่ได้ถ้าผู้นั้นมิได้เห็นอาณาจักรพระเจ้า ชีวิตแบบที่เป็นชีวิตบริบูรณ์คือสิ่งที่บรรดาสาวกรุ่นแรกมีประสบการณ์ในพระเยซูเจ้าและโดยทางพระองค์ นักบุญยอห์นพรรณาอย่างหลับตา เห็นถึงประสบการณ์ของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาได้ยิน ได้เห็น ได้มองดูและแตะต้องด้วยมือของเขา มิใช่เป็นเพียงการประทับอยู่ทางเนื้อหนังเท่านั้น แต่มีความแตกต่างอย่างมาก อยู่เหนือความเข้าใจ เป็นคุณภาพของชีวิต สำหรับพวกสาวกพระเยซูเจ้าคือผู้ที่เสด็จมาเพื่อนำชีวิตไปสู่ความบริบูรณ์


59.ชีวิตใหม่จะได้รับเมื่อรับศีลล้างบาป ด้วยศีลล้างบาปผู้ที่มีความเชื่อผ่านจากความตายอันเนื่องมาจากบาปไปสู่ชีวิตในพระคริสตเจ้า พระคริสตเจ้าเป็นผู้ทรงให้ "น้ำทรงชีวิต" ที่กลับกลายเป็น "บ่อน้ำพุที่ให้ชีวิตนิรันดร" ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังทรงเป็น "ปังทรงชีวิต" ที่ทรงเสด็จมา "จากสวรรค์และให้ชีวิตแก่โลก" พระเยซูเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับความเป็นหนึ่งเดียวในศีลมหาสนิท ที่เป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์เอง "เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ ผู้ใดที่กินปังนี้จะมีชีวิตนิรันดรและปังที่เราให้เพื่อให้โลกมีชีวิตเป็นเนื้อของเราเอง" ผู้ที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเราจะมีชีวิตนิรันดร…ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเราจะอยู่ในเราและเราจะอยู่ในเขา" นี่คือสาเหตุที่ทำให้นักบุญเปาโลอัครสาวกชื่นชมยินดีกล่าวว่า "สำหรับข้าพเจ้าการมีชีวิตคือพระคริสตเจ้า" ในขณะเดียวกันนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารประกาศว่า "และจากความบริบูรณ์ของพระองค์เราทุกคนได้รับพระหรรษทานต่อเนื่องกัน"





3.ชีวิตแห่งพันธสัญญาในพระจิตเจ้าครอบครัวของพระเจ้า พระศาสนจักร


60.ชีวิตที่มอบให้ด้วยความรักของพระเยซูเจ้าเป็นอะไร ที่มากกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้มีความเชื่อกับพระเยซูเจ้า พูดอีกครั้งหนึ่งได้ว่า พันธสัญญาแห่งความรักและชีวิตในขณะนี้ "ประทับตราด้วยเลือด" ของพระเยซูเจ้า เป็นศูนย์กลางของความสัมพันธ์ใหมระหว่างพระเจ้าและประชากรใหม่แห่งความเชื่อผู้ที่ได้รับบัญญัติใหม่ บัญญัติใหม่เป็นพันธกิจด้วย "เราให้บัญญัติใหม่แก่ท่านคือให้ท่านรักกันและกัน ดังที่เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่า ท่านเป็นศิษย์ของเรา ถ้าท่านรักกันและกัน" ไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกันแห่งชีวิตและความรักที่จะลึกซึ้งกว่านี้ คือการแบ่งปันพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ กับผู้ที่มีความเชื่อ ความรักอันเสียสละของพระองค์ก่อให้เกิดกลุ่มชนใหม่เป็นครอบครัวแห่งความเชื่อที่เกิดจาพระจิตเจ้า "แต่เมื่อพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และยกจิตวิญญาณของพระองค์ให้พระเจ้าพระองค์ได้ทรงมอบพระจิตของพระองค์ให้พระศาสนจักรด้วยการกระทำอันเดียวกันนั้น" ดังนั้นพระศาสนจักรก็ถือกำเนิดขึ้นเป็นเหมือนสิ่งสร้างใหม่ อยู่ในบ้านของพระเจ้า เป็นครอบครัวของพระองค์ เกิดจากพระจิตของพระเยซูเจ้าพระจิตแห่งชีวิต


61.ผู้ที่มีชีวิตในพระคริสตเจ้า พระจิตของพระเจ้าก็สถิตอยู่ในตัวท่านด้วย เฉพาะผู้ที่มีความเชื่อเท่านั้นที่รู้จักชีวิต แบบนี้ แต่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แสดงว่าชีวิตของพระจิตเจ้าดำรงอยู่จริง "ผลของพระจิตเจ้าก็คือความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน ความใจดี ความใจกว้าง ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยนและการรู้จักควบคุมตนเอง" นักบุญเปาโลได้นำภาษาแห่งความรักไปใช้กับชีวิตในพระอาณาจักรของพระเจ้า เมื่อท่านเขียนว่า "พระอาณาจักรของพระเจ้ามิใช่เรื่องการกินการดื่ม แต่เป็นการช่วยให้รอด ความยุติธรรม สันติสุขและ ความชื่นชมยินดีที่พระจิตเจ้าประทานให้ "เพื่อเปรียบเทียบชีวิตของพระจิตเจ้ากับชีวิตฝ่ายเนื้อหนังซึ่งแสดงให้เห็นโดย "การทำงานของเนื้อหนัง" "การผิดประเวณีความลามกโสมม การปล่อยตัวตามราคะตัณหา การกราบไหว้รูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกัน การทะเลาะวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวก การเมามาย การสำมะเลเทเมา และอีกหลายประการในทำนองเดียวกันนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งดังที่เคยเตือนมาแล้วว่า ผู้ที่ประพฤติตน เช่นนี้จะไม่ได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก" การหลีกเลี่ยงจากการทำงานของเนื้อหนังเหล่านี้เป็นความต้องการพื้นฐานของพันธสัญญาใหม่ นักบุญเปาโลสรุปความสัมพันธ์แห่ง พันธสัญญาในคำที่กล่าวถึงพันธกิจแห่งความรักและรับใช้ เพื่อนบ้านของตน "พี่น้องทั้งหลาย พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ มารับอิสรภาพ ขอเพียงแต่อย่าใช้อิสรภาพนั้นเป็นข้อแก้ตัวที่ จะทำตามใจตน แต่จงรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรักเพราะธรรมบัญญัติทั้งหมดสรุปได้เป็นข้อเดียวว่า จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง"


62.ดังนั้น เพื่อจะมีชีวิตในพระจิตเจ้า จะต้องดำเนินชีวิตในความเป็นหนึ่งเดียวและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับทุกคน ความเป็นหนึ่งเดียวและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนี้กลายเป็นสิ่งที่น่าเกรงขาม เมื่อนักบุญเปาโลพูดถึงพระศาสนจักรว่าเป็นพระกายของพระคริสตเจ้าที่สมาชิกทุกคนมีความสำคัญและต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันแม้สมาชิกจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นร่างกายเดียวกัน ในร่างกายนี้มีองค์ประกอบหลายส่วนแต่ มีความเป็นหนึ่งเดียวต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันแม้จะมีความแตกต่างกันและมีส่วนร่วมรับผิดชอบเพื่อเสริมสร้างส่วนรวม


63.ดังเช่นในพันธสัญญาเดิมพันธสัญญาใหม่ก็กล่าวถึงความจริงอันยิ่งใหญ่คือชีวิตเป็นของขวัญจากพระเจ้า พระเจ้าทรงสัญญาจะให้ชีวิตบริบูรณ์ ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการแพร่ธรรม ทั้งหมดนี้เป็นพื้นฐานส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแห่งชีวิตพระเจ้าคือชีวิต พระเจ้าคือองค์ความรักเพราะว่าพระเจ้าคือองค์ความรัก เรา จึงมีชีวิต ถ้าเรามีชีวิตเราจึงต้องมีความรัก ถ้าเรามีความรักเราจะต้องมีการกระทำที่มุ่งไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และให้บริการรับใช้ผู้อื่น ในแนวทางการไตร่ตรองข้างต้นนี้ ทำให้เราเข้าใจว่าเหตุใดพระวรสารของพระเยซูเจ้าจึงอาจถูกเรียกได้ว่าเป็น "พระวรสารแห่งชีวิต" และเหตุใดพระเยซูเจ้าจึงได้ทรงประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าว่า "ขณะนี้มาถึงแล้วและกำลังจะมาถึงอีก" คืออาณาจักรแห่งชีวิตที่บริบูรณ์






. ครอบครัว คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต

และความรัก พันธสัญญาและศีลมหาสนิท


64.ชีวิตครอบครัวของพระเจ้าในโลกนี้ คือพระศาสน-จักร เป็นทั้งของขวัญที่มีส่วนล่วงหน้าในชีวิตบริบูรณ์ในอาณาจักรพระเจ้าที่เป็นอยู่ในขณะนี้และความบริบูรณ์ที่กำลังจะมาถึง และเป็นงานที่จะต้องทำในการเดินทางไปสู่ชีวิตบริบูรณ์ ความเป็นจริงของพระศาสนจักรเป็นทั้งประสบการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ และยังรอคอยเพื่อให้เกิดขึ้น ในบริบทของชีวิตของ พระศาสนจักรที่เป็นทั้งของขวัญและงาน ครอบครัวที่เป็น พระศาสนจักรท้องถิ่นจึงมีความสำคัญอย่างลึกซึ้งกว่า สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ได้ตรัสว่า "ด้วยสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรมแห่งความตายครอบครัวเป็นหัวใจของวัฒนธรรมแห่งชีวิต" วัฒนธรรมแห่งชีวิตจะต้องค้นให้พบในครอบครัวอีกครั้งจะต้องฟื้นฟูกำลัขึ้นใหม่ และแสดงความหมายใหม่ ในบริบทใหม่ของเรา การไตร่ตรองเรื่องพันธสัญญาแห่งชีวิต ความเป็นหนึ่งเดียวการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการแพร่ธรรมให้ลึกซึ้งมากขึ้นจะบอกเราว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้



1.ประสบการณ์ในชีวิตครอบครัวของพระเยซูเจ้า

กับพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ


65.คริสตชนได้พิจารณาถึงครอบครัวของพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟที่นาซาเร็ธว่าเป็นครอบครัวตัวอย่างที่ดีเลิศ เป็นรูปแบบของครอบครัวคริสตชน บ้านที่นาซาเร็ธของพระเยซูเจ้าเป็นประสบการณ์ลำดับแรกในครอบครัวมนุษย์ของพระองค์ เริ่มต้นที่การเรียกของพระเจ้าให้พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟเป็นสามีภรรยาดังที่บรรยายไว้ในพระวรสารพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟต้องถูกทดลองความเชื่อถึงข้อลึกลับแห่งการเรียกให้เป็นบิดามารดา และรู้ข้อลึกลับของพระบุตร ทุกๆวันท่านทั้งสองจะต้องรับมือกับข้อลึกลับอันลึกซึ้งเหล่านี้ พระนางมารีย์ "ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้และได้ทรงรำพึงถึงอยู่ในพระทัย" นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ชายและหญิงตกหลุมรักและแต่งงานกัน แต่ชีวิตของท่านที่เป็นดังสามีภรรยากันเป็นชีวิตธรรมดา อันที่จริงก็เป็นชีวิตเรียบๆ ของช่างไม้กับภรรยา แต่ท่านทั้งสองก็ได้มีประสบการณ์กับสิ่งที่ไม่ธรรมดา คือไม่สามารถที่จะหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อให้กำเนิดบุตร และในที่สุดเมื่อพระบุตรได้ทรงบังเกิดมาท่านลิงโลดด้วยความยินดี ท่านทั้งสองมีความยินดีเมื่อได้ถวายพระบุตรในพระวิหารแต่มีความทุกข์ใจเมื่อได้ฟังคำของประกาศกที่ได้กล่าวถึงความลำบากในอนาคต ทั้งสำหรับมารดาและบุตร ทั้งครอบครัวมีความยินดีเมื่อสามารถหลบภัยในต่างแดนแต่ก็โศกเศร้าเมื่อเด็กจำนวนมากถูกฆ่าเพราะพระบุตร มีทั้งความหดหู่และสับสนเมื่อท่านสูญเสียพระบุตรเป็นเวลา 3 วันแต่กลับผ่อนคลายอย่างใหญ่หลวงเมื่อพบพระองค์ในพระวิหารแต่ก็ยังสงสัยว่าพระบุตรหมายถึงสิ่งใดเมื่อทรงตรัสว่า อยู่ในบ้านของพระบิดาของพระองค์ สิ่งเหล่านี้ทำให้มีความผูกพัน ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวกันมากยิ่งขึ้นระหว่างบิดา มารดาและบุตร ระหว่างครอบครัวและพระเจ้าในพันธสัญญาที่พระนางมารีย์ได้ทรงเชื่อฟังและยอมรับอย่างอิสระด้วยความเชื่อ "ข้าพเจ้าเป็น ผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด"


66.จากพระคัมภีร์เรารู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงบังเกิดและถูกเลี้ยงดูในครอบครัวชาวยิวซึ่งมีพื้นฐานความเคร่งครัดด้านศาสนาเกิดจากภายในบ้าน ที่บ้านพระองค์ได้รับประสบการณ์ความรัก ความเอาใจใส่ของบิดามารดาและได้เรียนรู้คุณค่า ชีวิตจิตที่เป็นลักษณะของลัทธิยิว มีความรักพระเจ้าและเอาใจใส่ผู้อื่นเป็นอย่างมาก "พระองค์ได้ทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟัง" ตามที่กล่าวในจดหมายถึงชาวฮีบรูว่าจะต้องดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างไร โดย

ที่ไม่มีความทุกข์ยากและการต่อสู้ดิ้นรนดังเช่น ครอบครัวจำนวนมากในเวลานั้นและปัจจุบันนี้ แม้ว่าพระองค์ต้องการท้าทายผู้ที่ติดตามพระองค์ให้คิดถึงครอบครัวเหนือธรรมชาติ แต่พระองค์ก็ไม่เคยลืม คุณค่าและความสำคัญของสายสัมพันธ์ในครอบครัวที่พระองค์ ทรงอ้างถึงบ่อยๆ ว่า "ใครเป็นมารดาและพี่น้องของเรา" หรือ "สิ่งใดก็ตามที่ท่านได้ทำต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเรา…" จนถึงวาระสุดท้ายพระองค์ใช้วิธีการแบบครอบครัวในการมอบ "ลูก" ให้กับ "แม่" และ "แม่" ให้กับ "ลูก" ในประสบการณ์ของพระเยซูเจ้าในเรื่องครอบครัว เราได้พบเรื่องราวของพันสัญญาแห่งความรัก ชีวิต ความเป็นหนึ่งเดียว "จนถึงตาย" ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและ

การแพร่ธรรม พันธกิจที่ขยายจากครอบครัวเดี่ยวไปยังครอบครัวแห่งความเชื่อและสูงส่งกว่านั้นหนทางของครอบครัวของพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ เป็นหนทางของ

ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว



2.การแต่งงาน คือพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์

ระหว่างชายและหญิง


67.ตั้งแต่ต้น ครอบครัวเป็นพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ระหว่างชายและหญิงด้วยเพศที่ต่างกันพวกเขามีแนวโน้มที่จะร่วมเป็นหนึ่งเดียว ด้วยการมีลักษณะของเพศชายและเพศหญิง ที่มีมา แต่ดั้งเดิมพวกเขาก็ได้แต่งงานกัน ซึ่งก็คือความสามารถที่จะแสดงออกถึงความรักความรักซึ่งทำให้แต่ละบุคคลกลายเป็นของขวัญ ดังนั้นชายและหญิงถูกเรียกตั้งแต่แรกมิใช่ให้อยู่ข้างเคียงกันหรืออยู่ด้วยกันเท่านั้น แต่พวกเขาถูกเรียกให้ดำรงอยู่ เพื่อกันและกัน คนหนึ่งเพื่ออีกคนหนึ่ง ดังที่หนังสือปฐมกาล 2.18-25 ได้แสดงให้เห็นถึงการแต่งงานว่าเป็นจุดเริ่มต้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นมิติพื้นฐานของการเรียกนี้ การแต่งงานเป็นที่ซึ่งทำให้เกิดครอบครัวเป็นพันธสัญญาแห่งความรักและชีวิตระหว่างสามีภรรยาที่ได้ "มอบตนเองแก่กันและกันและยอมรับกันและกัน" อยู่ด้วยกันด้วยความรักและซื่อสัตย์จนตายจากกัน ด้วยการมอบตนทั้งครบของทั้งสองฝ่ายนี่เป็นความจริงอันยิ่งใหญ่ตามความหมายของการแต่งงาน คือเป็นการมอบตนเองให้ทั้งหมดจนถึงวันสิ้นชีวิต


3. ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักของพระคริสตเจ้า


68.สำหรับพระศาสนจักร ความเป็นหนึ่งเดียวกันในการแต่งงานคือศีลศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้ความรักของพระคริสตเจ้า ที่ซ่อนเร้นอยู่มองเห็นและสัมผัสได้สำหรับประชากรของพระองค์

ในขณะเดียวกัน "พระคริสตเจ้าเองทรงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักร" เป็นรูปแบบของการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในการแต่งงาน ข้อผูกมัดของศีลศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นหนึ่งเดียวระหว่างสามีภรรยาสะท้อนให้เห็นความจริงอันลึกซึ้งของข้อผูกมัดของความรักระหว่างพระคริสเจ้าและพระศาสนจักร ดังนั้นความรักของสามีจำเป็นต้องเหมือนความรักของพระคริสต-

เจ้าต่อเจ้าสาวของพระองค์ พระศาสนจักมีความซื่อสัตย์และเสียสละอันเป็นพันธสัญญาแห่งความรัก เช่นเดียวกับความรักของภรรยาต่อสามี สามีและภรรยาเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ของ

ความรัก ของพระคริสตเจ้าเช่นเดียวกับเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรัก ของพระคริสตเจ้าต่อพระศาสนจักร ความรักของพระคริสตเจ้า กลายเป็นการประทับอยู่ภายในความรักของพวกเขาอยู่ในความสัมพันธ์ และชีวิตครอบครัว รวมทั้งเป็นแหล่งที่ให้พลัง ค้ำจุนและการเติบโตฝ่ายจิตถ้าเราต้องการรู้ให้ชัดเจนว่าความรักของพระคริสตเจ้านี้คืออะไร สิ่งเดียวที่เราจำเป็นต้องทำก็คือการมองไปที่ความรักของคู่แต่งงาน นี่คือ "ข้อลึกลับอันยิ่งใหญ่" ของความรักและชีวิตที่แสดงให้เห็นในสัญญาการแต่งงาน ซึ่งสามีและภรรยากล่าวแก่กันและกัน และมีเครื่องหมายที่แสดงออกโดยแหวนแต่งงาน หรือโดยใช้สัญลักษณ์อื่นๆ ตามวัฒนธรรมต่างๆของเอเซีย


69.เมื่อนักบุญเปาโล ตักเตือนสามีให้รักภรรยาความหมายทั้งหมดของความรักแบบสามีภรรยาแสดงให้เห็นเมื่อท่านสอนให้ภรรยาเคารพต่อสามี ดังนั้นนักบุญเปโลในสถานการณ์การปกครองแบบพ่อกับลูกได้บอกให้สามีรักภรรยา ดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่อย่างแท้จริงสามีไม่เพียงแต่ถูกเรียกให้มีความรักต่อภรรยาตามแบบความรักของ

พระคริสตเจ้าต่อพระศาสนจักรเท่านั้น แต่ตามจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส บทที่ 5 ข้อ 25 ยังแสดงให้เห็นว่า เพราะพระคริสตเจ้าได้ทรงรักเรา เราจึงต้องรักกันและกัน ดังนั้น ความรักของพระคริสตเจ้าสำหรับคู่แต่งงานจึงกลายเป็นแหล่งที่มาและพลังของความรักต่อกันและกันในบริบทนี้ความหมายตามตัวอักษรของคำว่า "เคารพ" คือ "การมองให้ลึกลงไป" ถึงความดีอันแท้จริงของอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นการค้นหาทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นความดีของบุคคลที่ถูกรัก ดังนั้นแม้เมื่อนักบุญเปาโลพูดเกี่ยวกับหน้าที่ที่แตกต่างกันเช่นสามีต้องรักภรรยาและภรรยาต้องเคารพต่อสามี คุณค่าเหล่านี้ตามความหมายทั้งหมดเป็นสิ่งเดียวกันและต้องมอบให้กัน ทั้งสองฝ่าย ทั้ง

สามีและภรรยาต้องเคารพและรักกันและกัน การร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องจำเป็นต่อความรักฉันท์สามีภรรยา


70.ด้วยความรักต่อกัน สามีและภรรยาเติบโตด้วยกัน ไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ทั้งด้านความเป็นมนุษย์และความเป็น คริสตชน ขณะที่เขาดำรงชีวิตแต่งงาน และเผชิญการท้าทาย ต่อความรับผิดชอบต่างๆ ความรักนี้ยังเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวและแสดงออกด้วยความอดทนความใจดี ความ เคารพ ความวางใจ การให้อภัย การเสียสละและความเมตตา-

กรุณา อดทนในยามที่เจ็บปวดและเศร้าสร้อย เช่นเดียวกับ ในเวลาแห่งความชื่นชมยินดี ดังนั้นความผูกพันของครอบครัวจะเพิ่มพูนขึ้นและมีความยินดี เมื่อมีเด็กเกิดมา พระพรมากับชีวิตที่เกิดใหม่ บ่อยครั้งที่บิดามารดารู้สึกพิศวงในของขวัญแห่งชีวิตที่อยู่เหนือการกระทำของพวกเขา ประสบการณ์แห่งชีวิตนี้เชื้อเชิญให้พวกเขาตระหนักถึงพระเจ้าแห่งชีวิตที่ทรงประทับอยู่จริงในครอบครัวและมองไปยังอนาคตด้วยความหวัง มีความสุขที่มีทั้งความฝันและความหวังว่าชีวิตในวันพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ อันที่จริงเพราะความร่ำรวยภายในจากพลังของพระเจ้า ทำให้ข้อลึกลับอันยิ่งใหญ่ของครอบครัวเป็นข่าวดี



4.พันธสัญญาแห่งความรักในการแต่งงาน

คือฐานะการเป็นบิดามารดาและการเป็นบุตร


71.ในฐานะที่เป็น "ผู้สร้างเรื่องการแต่งงาน" พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้แล้วตั้งแต่แรกเริ่มว่าการแต่งงานเลิกร้างไม่ได้ และต้องเปิดรับเต็มที่ต่อของขวัญในการมีส่วนร่วมสร้างชีวิต ซึ่งเป็นของขวัญจากพระเจ้า ตั้งแต่เริ่มต้นฐานะการเป็นมารดาและบิดาเป็นองค์ประกอบ เป็นของขวัญที่ทำให้การรวมกัน ของเพศชายและหญิงเป็นดังภาพลักษณ์ของพระเจ้า "โดยธรรมชาติการแต่งงานและความรักของคู่แต่งงานเป็นการร่วมสร้างและให้การศึกษาแก่บุตร และด้วยการกระทำเหล่านี้ก็จะได้รับมงกุฎแห่งสิริโรจนา" ส่วนเรื่องการหย่าร้างกันไม่ได้นั้น เพราะเป็นของขวัญที่พระเจ้าทรงประทานให้สำหรับสามีและภรรยาให้กลายเป็นร่างกายเดียวกัน เป็นการรวมเป็นหนึ่งเดียวของความรักและชีวิต มิใช่เพียงแต่ชีวิตของพวกเขาร่วมกันแต่ยังรวมถึงชีวิตใหม่ที่พระเจ้าได้ทรงสร้างโดยผ่านทางพวกเขา อันที่จริงพวกเขาต้องเปิดรับชีวิตใหม่เสมอ เพราะความรักของพระเจ้ามิได้เลือกที่รักมักที่ชัง และมิได้กีดกันผู้ใดเลย ไม่ว่าจะเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิง ทารกพิการหรือทารกที่แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่ว่าจะรวยหรือจนเด็กทุกคนเป็นของขวัญจากพระเจ้านี่มิใช่การประณามคู่แต่งงานที่สภาพทางกายไม่อาจจะมีบุตรได้ จริยธรรมเบื้องต้นที่เปิดรับชีวิตที่พระเจ้าประทานให้เป็นพระพรและพระหรรษทานจากพระเจ้า

72.คู่แต่งงานคริสตชนต้องทำงานร่วมกันในการให้การศึกษาแก่บุตร ในหนทางแห่งความเชื่อและอาณาจักรของ พระเจ้า พวกเขาเป็นครูคนแรกแห่งความเชื่อของลูกของพวกเขาในกรณีนี้บิดามารดาต้องหาทางให้บุตรเติบโตในความเชื่อ ช่วยให้พวกเขาแสดงออกถึงความเชื่อในชีวิตและแบ่งปันกับผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกันในโอกาสต่างๆที่พระศาสนจักรเปิดโอกาสให้ หรือโดยการสร้างของเขาเองที่นำโดยพระศาสนจักร ดังเช่นครอบครัวของพระเยซูเจ้า พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ ครอบครัวคริสตชนต้องเป็นเหมือนบ้าน เป็นโรงเรียนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่สอนให้เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าเป็นที่ซึ่งมีการเรียนรู้หนทางของพระเจ้าและคุณค่าของพระวรสารปฏิบัติกันในชีวิตประจำวัน มีการฟังพระวาจาและปฏิบัติตามเป็นประจำวัน เป็นที่ซึ่งเด็กๆได้มีประสบการณ์ครั้งแรกถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าใน

สังคมอันหลากหลายของเอเซียที่ซึ่งคริสตชนเป็นชนกลุ่มน้อยและที่ซึ่งอาจไม่ได้รับการศึกษาศาสนาในโรงเรียน พันธกิจของสามีภรรยาคือต้องให้การศึกษาเรื่องพระเจ้ากับลูกๆและเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดที่จะนำพวกเขาให้ตระหนักถึงการเป็นธรรมทูต ครอบครัวที่มีความเชื่อทางศาสนาอย่างลึกซึ้งเป็นเครื่อง-หมายของพระศาสนจักรและของอาณาจักรของพระเจ้าในครอบครัวที่นับถือศาสนาเดียวกันแต่คนละนิกายกับครอบครัวที่นับถือศาสนาต่างกัน การที่มีความเชื่อในศาสนาอย่างลึกซึ้งเป็นเครื่องหมายที่ตรงกันข้ามกับการเพิ่มขึ้นของการไม่มีศาสนาในวัฒนธรรมทางโลก

73.เห็นได้ชัดว่าพระเจ้าได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต ในพวกเด็กๆ ลงในธรรมชาติของครอบครัวเช่นเดียวกับความจำในอดีตโดยผ่านทางผู้อาวุโส ความกตัญญูรู้คุณความหวัง ความประหวั่นพรั่นพรึง และความเคารพ เป็นการตอบรับทั้งของผู้สูงอายุและผู้เยาว์ สำหรับของขวัญเหนือธรรมชาติที่พระเจ้าประทานให้ในการแต่งงานเมื่อสามีและภรรยแบ่งปันในการสร้างอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า อันที่จริงครอบครัวคือ ขุม- ทรัพย์แห่งการดูแลเอาใจใส่ เคารพนับถือ มีความห่วงใยและความรักเป็นทรัพย์สมบัติทั้งเก่าและใหม่ที่พระเจ้าประทาน



5.ความสัมพันธ์ของมนุษย์ในครอบครัว

และในอาณาจักรของพระเจ้า


74.เมื่อเราดึงเอาสาระสำคัญจากชีวิตคริสตชนที่มีลักษณะพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการไตร่ตรองของเรา และมองภาพการแต่งงาน ชีวิตครอบครัวและความสัมพันธ์ ของมนุษย์ภายในครอบครัว จากมุมมองของการปกครอง ของอาณาจักรของพระเจ้า มิติที่สำคัญแบบใหม่ได้ถูกเพิ่มเติมขึ้น เราพบว่าการแต่งงานกับคนต่างนิกายและกับคนต่างศาสนา และครอบครัวคล้ายคลึงกัน เป็นการแบ่งปันคุณค่าของพันธสัญญาแห่งชีวิตอย่างแท้จริง ทั้งความเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การเติมเต็มกันและกันและการมอบตนเองให้แก่กันและกันทั้งสองฝ่าย ด้วยเหตุนี้เองคู่แต่งงานคริสตชนได้นำความเชื่ออันร่ำรวยของเขาหรือเธอเข้าไปในสัญญาแห่งการแต่งงานและครอบครัว ขณะที่เติบโตไปพร้อมกันและเดินทางไปด้วยกันกับคู่สมรสและลูกๆ ไปยังอาณาจักรของ พระเจ้า


75.ในด้านเทววิทยาพื้นฐานของชีวิตแห่งพันธสัญญา ความเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการแพร่ธรรมภายในครอบครัวไม่เป็นนามธรรมดังที่ปรากฎให้เห็น ความสัมพันธ์ของมนุษย์ภายในครอบครัวในชีวิตประจำวัน ความกลมเกลียวกันด้วยความรักและความเอาใจใส่ต่อกันและกันระหว่างสามีกับภรรยา ระหว่างสามีภรรยากับบุตรและระหว่างเด็กๆด้วยกันเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครอบครัวประสบกับความทุกข์หนักครอบครัวของเขาก็จะเดินทางไปสู่ชีวิตบริบูรณ์โดยผ่านทางความยากลำบากและความชื่นชมยินดี สิ่งเหล่านี้ทำให้ความเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและพันธกิจของเขาชัดเจนขึ้น การเป็นของกันและกัน ความใกล้ชิดสนิทสนม ความอบอุ่น ความชื่นชมยินดี มิตรภาพเป็นเครื่องหมายอันลึกซึ้งของความเป็นหนึ่งเดียวที่คุ้นเคยกันในครอบครัว ผู้ให้คำปรึกษาในเรื่องครอบครัวมักจะกล่าวว่า เคล็ดลับในความสัมพันธ์ของมนุษย์คือการสื่อสารที่มีคุณภาพทุกชนิด ทั้งด้วยวาจา และพฤติกรรม ระหว่างสมาชิกในครอบครัว ดังนั้น จำเป็นที่ศาสนบริการด้านครอบครัวในเอเชียจะต้องเอาใจใส่อบรมด้านมนุษยสัมพันธ์เป็นงานอภิบาลหลัก













. กระแสเรียกและพันธกิจ "ครอบครัว"

เป็นส่วนหนึ่งของท่าน


76.ธรรมชาติของครอบครัวเป็นแหล่งที่สร้างกระแสเรียก และการแพร่ธรรมของพระเจ้า คริสตชนทุกคนได้รับเรียกให้แสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าก่อนสิ่งอื่นใด นี่คือกระแสเรียกอันเดียวและเป็นกระแสเรียกสำหรับทุกคน คู่สมรสตอบรับการเรียกนี้ด้วยการแต่งงานและมีชีวิตครอบครัว เขาได้ตอบรับต่ออาณาจักรของพระเจ้าด้วยการแต่งงาน วิถีทางที่เขาดำเนินชีวิตแต่งงานและชีวิตครอบครัวแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ของเขาต่ออาณาจักรของพระเจ้า ในความรักที่มีต่อกันและกัน ในการแสดงออกของความรักในการแต่งงาน ในการเลี้ยงดูบุตรในการใช้วัตถุจากแหล่งต่างๆ เขาก็ได้แสดงออกถึงข้อผูกมัดต่ออาณาจักรของพระเจ้า อันที่จริงการแต่งงานในความหมายที่แท้จริงเป็นพื้นฐานนำไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า


77.การเรียกครอบครัวให้ไปทำการแพร่ธรรมคือ "ครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของท่าน" การแพร่ธรรมนี้เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์เกิดจากศีลล้างบาปและศีลกำลัง เคลื่อนไหวโดยความรักอันปราศจากเงื่อนไขของพระเจ้า เอกลักษณ์พิเศษในฐานะคู่แต่งงานผลักดันเขาให้ไปทำการแพร่ธรรม ประสบการณ์กับพระเจ้าของเขาทั้งในการแต่งงานและโดยทางการแต่งงานส่งให้เขาไปแพร่ธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นคู่แต่งงานเขามีหน้าที่เป็นศาสนบริการของพระศาสนจักรทั้งภายในและภายนอกครอบครัว พวกเขาจะเป็นศาสนบริกรให้แก่กันและกัน พวกเขาแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าด้วยกันพวกเขา สอนลูกๆ ให้เลือกอาณาจักรของพระเจ้า เหนือสิ่งอื่นใด สมาชิกทั้งครอบครัวเป็นศาสนบริกรให้แก่กันและกัน ทั้งในยามปกติ ในยามวิตกกังวล และในยามชื่นชมยินดีโดยผ่านทางกางเขนและการกลับคืนชีพของชีวิตแต่งงานในแต่ละวัน การประกาศข่าวดีต่อกันและกันก็เกิดขึ้น บังเกิดขึ้นโดยผ่านทางความรักที่มีให้กัน การเอาใจใส่ การบริการรับใช้ของสามีและภรรยา เป็นแรงบันดาลใจและให้การสนับสนุนกันและกันให้รับผิดชอบและซื่อสัตย์ในความรัก โดยทางความรักและเอาใจใส่ต่อเด็กๆ เช่นเดียวกับด้วยความรักและเชื่อฟังของลูกๆ เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวคริสตชน ในครอบครัวนี้เองที่ "พระวรสารได้รับการส่งต่อและเป็นที่ซึ่งพระวรสารฉายแสงไปยังสมาชิกทุกคนให้ประกาศข่าวดีและรับการประกาศข่าวดีด้วย" ครอบครัวเป็นสถานที่ที่ประชากรสามารถเป็นตัวของตัวเองและเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นสถานที่ที่ความรู้สึกและความต้องการให้บริการในวิธีการเจริญชีวิตที่แตกต่างกันได้รับการสนับสนุน รวมทั้งกระแสเรียกการเป็นธรรมทูตในการปฏิสัมพันธ์ประจำวันของความสัมพันธ์ของมนุษย์ภายในครอบครัวสมาชิกเป็นพยานถึอาณาจักรของพระเจ้าถึงความตายและการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าข่าวดีแห่งความรอด

นี่คือคำสอนแห่งชีวิตที่แท้จริงสิ่งเหล่านี้เป็นงานธรรมทูตภายในของสามีและภรรยาและครอบครัวของเขา


78.สมาชิกในครอบครัวมิใช่เพียงแต่ประกาศพระอาณา-จักรของพระเจ้าและการช่วยให้รอดพ้นจากความตาย และการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าแก่กันและกันภายในครอบครัวเท่านั้นแต่เขาถูกเรียกให้ประกาศให้กับผู้อื่นด้วย"ครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของท่านคำเหล่านี้เรียกร้องให้ครอบครัวทำการแพร่ธรรมภายนอกด้วยสายสัมพันธ์แห่งความรักที่ได้พัฒนาภายในครอบครัว ระหว่างสามีภรรยา ระหว่างพ่อแม่ลูก ระหว่างเด็กด้วยกันและระหว่างสมาชิกของครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยาย มีมิติด้านการแพร่ธรรม เขาจะต้องทำให้พระวาจาของพระเจ้าสำเร็จไป "ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา" ครอบครัวทั้งหมดถูกเรียกให้แสดงเอกลักษณ์นี้ นั่นคือพระศาสนจักร การแต่งงานและการเป็นครอบครัวเป็นสถานะของชีวิตแบบหนึ่งและกลายเป็นพระศาสนจักรด้วยการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดและอุทิศตนให้สมาชิกทุกคนอยู่ดีกินดี ครอบครัวก็ประกาศทั้งด้วยคำพูดและการกระทำถึงความจริงและความสำคัญของความรักเป็นความสัมพันธ์ที่ให้ชีวิตภายในโครงสร้างของพระศาสนจักร


79.ครอบครัวเป็นพยานอันชัดเจนที่ช่วยให้คริสตชนได้สำนึกว่า พระเจ้าคือผู้ที่มอบพระองค์เองให้ด้วยความรัก ทำให้เห็นความเมตตากรุณาความดีงามของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในบริบทของความทุกข์ยากของมนุษย์ที่มีอยู่มากมาย การอุทิศตน ความซื่อสัตย์ และความรักอันอบอุ่นใกล้ชิดกันภายในครอบครัวโดยไม่มีการทรยศต่อความรักที่ทำให้คุณค่าของพระวรสารน่าเชื่อถือมากขึ้น ในการมอบความวางใจทั้ง-หมดให้กับพระเจ้าผู้ทรงเอาใจใส่ดูแลเราเสมอ ในพระคริสตเจ้าผู้ไม่ทรงพลาดพลั้ง ทรงซื่อสัตย์ ให้อภัย ทรงรักและทนุถนอมเลี้ยงดูเรา เป็นครอบครัวของพระเจ้า เครื่องหมายอันทรงคุณค่าของการแต่งงานแบบคริสตชนและครอบครัว สื่อให้เห็นถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของการแต่งงานและครอบครัว ที่ทุกวันนี้ต้องแตกร้าวเพราะความเห็นแก่ตัวความรักตัวเองอย่างไร้เหตุผลความไม่ซื่อสัตย์หรือการเอาใจใส่ในด้านเศรษฐกิจ จิตวิทยาหรือสังคมมากจนเกินไป


80.เมื่อพระเจ้าตรัสในการสร้างโลกว่า "เป็นสิ่งที่ดีพระเจ้ามิได้กล่าวถึงความงามของสิ่งสร้างทางกายภาพเพียงอย่างเดียว โลกทั้งโลกเป็นสิ่งที่ดีเพราะว่ามาจากการออกแบบของพระเจ้า และมาจากภาพลักษณ์แห่งความดีและความรักของพระองค์ เป็นเครื่องหมายของความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เหนือกว่าสิ่งใดพระเจ้าได้ทรงปกครองสิ่งสร้างทั้งมวล ด้านศีลธรรมและชีวิตจิตอาจจะใช้กับพระวาจาที่พระเจ้าตรัสกับอาดัมและเอวาสามีภรรยาคู่แรกและบิดามารดาคนแรกของเรา "จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดินและจงปกครองทั้งหมด" มากเกินกว่าคำสั่งด้านกายภาพ มนุษย์ยังต้องเติมเต็มให้โลกนี้ด้วยความดี ความงาม ความยุติธรรมและความรักของพระเจ้า และนำให้มันอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าประสบการณ์ของบิดามารดาคู่แรกของเราถึงความเป็นจริงของบาปและขอบเขตของมนุษย์ ทำให้พวกเขาได้เข้าใจดีถึงขบวนการอันเจ็บปวดของการเจริญเติบโตและไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของมนุษย์แต่ความล้มเหลวและขอบเขตของมนุษย์มิใช่อุปสรรคต่อกระแสเรียกและพันธกิจของครอบครัวเพราะว่าพระเจ้าได้ทรงสัญญาว่าจะทรงซื่อสัตย์ตลอดไป ดังนั้น ในท่ามกลางการท้าทายที่พระเจ้าได้ทรงเรียกครอบครัวให้ช่วยสร้างศีลธรรมและชีวิตจิตของมนุษย์ทั้งโลก เพื่อให้กลายเป็นกระจกส่องให้เห็นถึงความดีงามของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง


81.การแพร่ธรรมของครอบครัวต่อผู้อื่นยังแผ่ไปถึง สังคมวัฒนธรรมการเมืองและแวดวงทางการศึกษา ครอบครัวเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพของพระศาสนจักร ในการประกาศพระวรสารนี่ทำให้เกิดคำถามว่าผู้นำพระศาสนจักรจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยในด้านความสัมพันธ์และให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน นั่นก็คือการสร้างครอบครัวเป็นการเปลี่ยนรูปให้เป็นเหมือนการปกครองของพระเจ้าหรือเป็นการสร้างให้เป็นพระศาสนจักรท้องถิ่นที่แท้จริง เป็นการท้าทายในการให้อำนาจครอบครัวให้ทำการแพร่ธรรมด้วยการช่วยสมาชิกให้เจริญชีวิตแต่งงานและชีวิตครอบครัว ดำเนินไปตามคุณค่าของอาณาจักรของพระเจ้าหรือตามคำสั่งสอนของพระวรสารและของพระศาสนจักร การให้อำนาจนี้จะเกิดขึ้นได้ จะต้องขึ้นกับการทำศาสนบริการด้านครอบครัวเป็นหลักใหญ่






1. การแพร่ธรรมและเศรษฐกิจโลกาภิวัฒน์


82.ดังที่เราได้เห็นแล้วว่าทุกครอบครัวมีหน้าที่ที่จะสะท้อนให้เห็นความดีงาม ความยุติธรรม และความดีของพระเจ้าที่ไม่มีอีกแล้วที่จะเร่งด่วนและจำเป็นมากกว่านี้ในด้านศีลธรรมและในด้านสังคมของชีวิต การอภิบาลและการไตร่ตรองเรื่องการแพร่ธรรมของครอบครัว ทำให้เราต้องพูดเกี่ยวกับปรากฏการณ์และขบวนการของโลกาภิวัตน์และบ่อเกิดของปัญหา อันที่จริงคำว่าโลกาภิวัตน์ได้เป็นคำที่ใช้กันมากว่า 2 ทศวรรษมาแล้วว่าโลกนี้เป็นหมู่บ้านโลก เราอาจกล่าวได้ว่าโลกาภิวัฒน์เป็นเครื่องมือหลักที่ทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกวัฒนธรรมของโลกนี้ได้อยู่ด้วยกันด้วยสันติสุขและกลมเกลียวกัน โดยคนรวยและคนจนในโลกนี้แบ่งปันอย่างเท่าเทียมและอย่างยุติธรรม สินค้าที่ผลิตได้และผลกำไรของการพัฒนา ที่ซึ่งโลกทั้งโลกเป็นครอบครัว มนุษยชาติที่กลมเกลียวกันภายใต้การปกครองของพระเจ้า ที่ซึ่งไม่มีช่องว่างสำหรับสงครามและปัญหาการแบ่งแยก ความลำเอียง การเลือกที่รักมักที่ชัง เห็นแก่พวกพ้องของตน การกดขี่การแยกตัวออกมาจากกลุ่มและคนชายขอบของสังคม


83.อย่างไรก็ตาม น่าเศร้าที่ผลในปัจจุบันของโลกาภิวัฒน์ อยู่ห่างไกลจากความคิดฝันถึงความสุขทางเทววิทยาที่เราได้ตั้งความหวังไว้ ความยุติธรรมในสังคมและสันติภาพ การจัด-การกับสิ่งสร้าง การรับผิดชอบต่อกันและกัน ครอบครัวมนุษยชาติที่เป็นหนึ่งเดียวยังคงเป็นเรื่องเพ้อฝัน ในหลายกรณีโลกาภิวัฒน์กลับทำให้เลวลงมากขึ้นทั้งด้านความอยุติธรรม ความยากจน การเสาะหาประโยชน์ส่วนตัว การกดขี่ และการทำลายสิ่งแวดล้อมของประเทศส่วนใหญ่แถบเอเซีย การผลักดันสู่การแข่งขันทำให้ประชากรของเอเซียนับร้อยล้านคนล้าหลังในเศรษฐกิจโลกและวัฒนธรรมดาร์วินที่ผู้มีอำนาจได้เปรียบ จากการไตร่ตรองของสถานการณ์นี้ในด้านความเชื่อบอกเราว่าสิ่งซึ่งกระแสโลกาภิวัฒน์ได้ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างมากสำหรับครอบครัวมนุษย์และจะต้องหาทางเลือกใหม่


84.สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทรงชี้ให้เห็นอย่างถูกต้องว่า เพื่อที่โลกาภิวัฒน์จะทำงานให้กับความยุติธรรมในสังคมโลกจะต้องเป็นโลกาภิวัฒน์ที่มีความเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นโลกาภิวัฒน์ที่ไม่มีขอบเขต จะเป็นเช่นนี้ได้จะต้องมีการจัดระบบตลาดเสรี ซึ่งมีประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดีกว่าอำนาจเศรษฐกิจของโลกโลกาภิวัฒน์ต้องได้รับการจัดระบบโดยกฎหมายนานาชาติ และหลักการทางจริยธรรมสากลที่ควบคุมการใช้และพัฒนาสินค้าที่สร้างขึ้นและการแจกจ่ายผลกำไรของการพัฒนา แน่นอนทีเดียว ตามแนวทางของคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรหลักการบางส่วนคือการรักษาศักดิ์ศรีของสิ่งสร้าง สินค้าที่สร้างขึ้นส่งไป ขายได้ทั่วโลก มีพัฒนาการมนุษย์ที่รวมเป็นหนึ่ง มีการแบ่งปันผลกำไรจากการพัฒนาให้เท่าเทียมกัน และเลือกอยู่ข้างคนจน ให้เขามีส่วนร่วมในการพัฒนา หลักการเหล่านี้พระศาสนจักรในเอเซียได้เตือนย้ำในการสอนอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางสหพันธสภาพระสังฆราชแห่งเอเซียและที่สุดผ่านทางสถาบันต่างๆ ของพระสังฆราชที่ทำงานด้านสังคมและสถาบันด้านสังคมที่มีความเชื่อ



2. ครอบครัวและวัฒนธรรมโลกาภิวัฒน์


85.เราควรเกาะติดกับเรื่องวัฒนธรรมโลกาภิวัฒน์และการเติบโตของวัฒนธรรม ถูกต้องทีเดียว ในทุกวันนี้การพึ่งพาตนเองและสิทธิของมนุษย์แต่ละคนได้รับการดูแลปกป้อง คุณค่าพื้นฐานเหล่านี้มีขึ้นเพื่อความดีของส่วนรวม ดังนั้นในวัฒนธรรมที่บิดาเป็นใหญ่ จำเป็นที่จะต้องย้ำและสนับสนุนสิทธิของสตรีในเอเซีย อีกด้านหนึ่งเราเห็นว่าในทุกวันนี้มีการพูดถึงครอบครัวว่าเป็นหมู่ชนแห่งความรักและชีวิตน้อยมากและกลับไปย้ำมากเกินไปถึงสิทธิส่วนบุคคลจนทำความเสียหาย ให้กับชุมชน ย้ำกันมากเกี่ยวกับสิทธิส่วนบุคคลของสามีภรรยาและลูก มากกว่าความดีงามของครอบครัวและชุมชน ในทุกกรณี คุณธรรมย่อมสร้างความสมดุลที่ถูกต้องระหว่างขั้วต่างๆ ที่อยู่ในความกดดัน


86.อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทดแทนคือธรรมชาติของ ความเป็นอิสระอันเกี่ยวเนื่องกับการแต่งงาน แทนที่จะเป็นการตระหนักถึงความจริงถึงแผนการของพระเจ้าเพื่อการแต่งงานและการมีครอบครัว อิสรภาพกลับเป็นที่เข้าใจในความคิดหลังสมัยใหม่ว่าเป็นอำนาจของตนเองที่จะทำให้ตนเองเป็นที่ยอมรับ บ่อยครั้งขัดแย้งกับผู้อื่นเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของตนเองอย่างเห็นแก่ตัวความเข้าใจเรื่องอิสรภาพแบบนี้เห็นกันได้ในปัจจุบันในด้านความพยายามที่จะออกกฎมีการ

กระทำแบบใหม่และให้คุณค่าซึ่งตรงข้ามกับประเพณีแห่งความเชื่อของเรา เช่น การหย่าร้างการแต่งงานกับเพศเดียวกัน การทำแท้ง และความคิดมากมายที่ใช้คำที่น่าสงสัยว่า เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ใช้คำเหล่านี้เพื่อให้ความเข้าใจในการประชุมสหประชาชาติหลายครั้ง ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเอาใจใส่ให้มากเกี่ยวกับ "สิทธิ" แบบใหม่ที่เกิดจากวัฒนธรรม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป


87.พระศาสนจักรยังถือว่ามีความจริงอันเป็นสากลแม้ว่าจะยอมรับว่าอธิบายได้ยากเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านภาษาและวัฒนธรรม ในทางตรงกันข้าม ข้อคำสอนและคุณค่าทางศีล-ธรรมของความจริงลดลง และถือว่าความจริงเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับเวลา ผลก็คือนักวิพากย์ กล่าวหาว่าคำสอนของพระศาสนจักรล้าสมัยในการรับรองว่าการแต่งงานเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์และที่ปฏิเสธการอยู่ด้วยกันของเพศเดียวกัน การหย่าร้าง การคุมกำเนิด การทำแท้งฯลฯ พวกเขาประกาศอย่างเยาะเย้ยว่าข้อคำสอนของพระศาสนจักรจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสมัย ถ้าพระศาสนจักรต้องการอยู่ให้เหมาะกับยุค เป็นเรื่องคำสอนและศีลธรรมอันเกิดจากวัฒนธรรมเหล่านี้ที่เราจำเป็นต้องคุยกันในการประกาศข่าวดีในครอบครัว อันที่จริงเราต้องแบ่งปันความขมขื่นของประชาชนที่ประสบความทุกข์จากความเจ็บปวดของการหย่าร้าง การแต่งงานที่ล้มเหลว การเสียชีวิตใน การทำแท้งฯลฯ ดังนั้นการสอนความจริงต้องทำด้วยความสุภาพถ่อมตนอย่างมาก ทั้งด้วยความเมตตาสงสารและความรัก สิ่งนี้ต้องการความเอาใจใส่ที่แท้จริง และการดูแลจากศาสนบริกรผู้ให้การอภิบาลสำหรับคู่แต่งงานและครอบครัวของเขา


88.การประกาศข่าวดีให้กับวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับหลายมิติ เราจำเป็นจะต้องรู้วัฒนธรรมของเราเองให้ลึกซึ้งว่าเป็นการแสดงให้เห็นการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางเราให้ชัดเจน ยิ่งกว่านั้น เราจำเป็นต้องประกาศข่าวดีให้กับวัฒนธรรมของเราเองและนำประเพณี ความเชื่อ ธรรมเนียม และการปฏิบัติต่างๆ ที่ไม่สอดคล้องกับแผนการของพระเจ้า ตามที่เข้าใจด้วยความเชื่อคริสตชนของเรา วัฒนธรรมเป็นเรื่องแรกที่ครอบครัวต้องเผชิญและรับเข้ามาในครอบครัวเพื่อส่งเสริมและชำระวัฒนธรรมให้บริสุทธิ์ จะต้องมีโอกาสที่จะส่งต่อวัฒนธรรม ที่เต็มไปด้วยพระจิตของอาณาจักรพระเจ้า เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจความเชื่อของเราในด้านที่พระจิตทรงหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาในความเชื่อตามประเพณีอื่นและศาสนาอื่นๆเราต้องจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องกับพระพรของพระจิต เพื่อแสดงถึงความเชื่อของเราให้เป็นที่เข้าใจและเฉลิมฉลองด้วยภาษาและพื้นฐานของวัฒนธรรมเอเซียในที่สุดเราจำเป็นต้องพบกับวัฒนธรรมใหม่ที่ส่งมอบให้

เราโดยกระแสโลกาภิวัตน์ที่แสวงหาที่จะบังคับใช้วัตถุนิยมแบบใหม่และหลักจริยธรรม ที่เกี่ยวเนื่องกัน


3. ครอบครัวและเครื่องมือการสื่อสารสังคม


89.ช่องทางหลักของวัฒนธรรมแห่งโลกใหม่คือการใช้เครื่องมือสื่อสารสังคม อำนาจในการสื่อสารและมีอิทธิพลไม่ว่าในด้านดีหรือเลวเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ แม้กระทั่งคนจนก็ยังมีส่วนในสื่อมวลชน 1 หรือ 2 อย่าง โลกแห่งการสื่อสารเป็น First Areopagus ของยุคใหม่ และมีมิติด้านศีลธรรม เครื่องมือเหล่านี้ทำให้เกิด "โอกาสอันไม่มีขอบเขตในการหาข่าวสารข้อมูล การศึกษา การขยายด้านวัฒนธรรม และแม้แต่การเติบโตด้านชีวิตจิต"


90.สำหรับคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนอายุน้อยเครื่องมือของการสื่อสารสังคมเป็นเครื่องมือหลักเพื่อข้อมูลการศึกษา การแนะแนวและการให้ความคิด ดังนั้นพระศาสนจักรจำเป็นต้องเข้าใจเครื่องมือเหล่านี้และต้องมีความสามารถและความชำนาญที่จะใช้อย่างมีประสิทธิภาพในการประกาศข่าวดี "การสื่อสารเดียวกันนี้ยังมีความสามารถที่จะทำอันตรายต่อครอบครัวได้อย่างมากโดยการนำเสนอเพียงบางส่วนหรือการมองชีวิตในแง่ที่ไม่ถูกต้อง ทั้งในด้านครอบครัว ด้านศาสนาและศีลธรรม" ดังนั้นเป็นพันธกิจของพระศาสนจักรที่จะต้องประกาศข่าวดีต่อพวกเขาชำระล้างพวกเขา และนำกลับมายังคุณค่าของพระวรสารและของพระอาณาจักร อำนาจส่วนใหญ่ของการประกาศข่าวดีแก่สื่อตกอยู่แก่บิดามารดาและครอบครัวของเขา "ต้องมีการเสวนาระหว่างครอบครัวและผู้ที่รับผิดชอบในการสื่อสารด้านสังคม" จะมีคุณประโยชน์อย่างมากต่อทุกครอบครัว การจัดระเบียบการใช้สื่อภายในบ้านกดดันให้ผู้มีอำนาจควบคุมสื่อสาธารณะเหล่านี้ให้ให้แนวทางแก่สื่อให้ดำเนินงานบนพื้นฐานที่จำเป็นอย่างมาก ในด้านการให้ความจริงและเคารพศักดิ์ศรีของมนุษย์ การศาสนบริการด้านครอบครัวที่มีประสิทธิภาพจะต้องควบคุมอำนาจของครอบครัวและนำไปสู่งานอันสำคัญนี้


4. ครอบครัวและการเปลี่ยนแปลงสังคม


91.โดยธรรมชาติที่เป็นหน่วยพื้นฐานของสังคม ทุก ครอบครัวมีบทบาทด้านสังคมเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวคริสตชน ศีลกล่าวได้ให้ "คู่แต่งงานคริสตชนและบิดามารดามีอำนาจและข้อผูกมัดที่จะมีกระแสเรียกเป็นฆราวาสและดังนั้นก็แสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า โดยทำงานในโลกและโดยจัดการให้เป็นไปตามแผนการของพระเจ้า งานที่จัดกิจการของโลกให้เป็นไปตามแผนการณ์ของพระเจ้าหรือช่วยยกระดับของสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการหรือเป็นพันธกิจการแพร่ธรรมของครอบครัว ในฐานะการเป็นกษัตริย์ พันธกิจการแพร่ธรรมนี้เป็นพันธกิจของทุกครอบครัวไม่ว่าจะเป็นคริสตชนหรือไม่ก็ตาม เพราะว่าไม่มีครอบครัวใดที่อยู่โดดเดี่ยวจากโลกนี้ที่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ การเดินทางไปสู่อาณาจักรของพระเจ้าเป็นการเดินทางของทุกครอบครัว


92.ในการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมของเอเซียเป็นสิ่งจำเป็นอย่างน้อยที่สุดใน 3 ด้านคือ เพื่อความยุติธรรมและสันติภาพในสังคม ความเป็นหนึ่งเดียวกันในการให้บริการสาธารณะและในความเป็นหนึ่งเดียวกันในการสรรค์สร้างความอยุติธรรมมักจะอยู่ในโครงสร้างของสังคมรวมทั้งอยู่ในโครงสร้างของครอบครัวดังในกรณีที่มีการปกครองแบบพ่อกับลูก วัฒนธรรม ชนกลุ่มน้อย การเมือง และเศรษฐกิจที่แตกต่าง ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงโรคร้ายของการกินสินบนในการให้บริการสาธารณะมิใช่เป็นเพียงทัศนคติเท่านั้น มันกลับกลายเป็นโครงสร้างขณะที่ความคิดของเยาวชนที่ให้บริการสาธารณะหมดหวังและในที่สุดก็ติดกับของ "ระบบ" การทำลายสิ่งแวดล้อมยังคงทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง


93.การเปลี่ยนแปลงสังคมต้องเริ่มในครอบครัวโดยการเปลี่ยนทัศนคติของบิดามารดาโดยผ่านทางการศึกษาที่มอบให้กับบุตรหลานและแบบอย่างของบิดามารดาที่ให้ในด้านคุณค่าของความยุติธรรม สันติภาพ การเป็นคนดี และการเอาใจใส่สิ่งสร้าง ในขณะเดียวกันเด็กๆ ก็ต้องประกาศข่าวดีกับบิดามารดา เพราะเด็กมีความสำนึกถึงการกระทำที่ยุติธรรม โปร่งใส งดงาม ใจดีและใจกว้าง ยิ่งกว่านั้นบิดามารดาและบุตรต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับครอบครัวอื่น สามารถเล่นบทเป็นทนายให้กับสังคมแบบครอบครัวการเมือง หรือนำเสนอการเมืองในการส่งเสริมความโปร่งใสและน่าเชื่อถือระหว่างข้าราชการหรือเป็นคนกลางที่ดี และเป็นผู้นำการคืนดีให้กับผู้ที่มีปัญหากัน


94.การเมืองของครอบครัวต้องทำงานในด้านป้องกันสิทธิครอบครัวของตนเอง สิทธิที่บางครั้งถูกเหยียบย่ำโดยรัฐบาลด้วยเหตุผลนี้เองครอบครัวเอเซียจะต้องคุ้นเคยกับการต่อสู้ป้องกัน และการส่งเสริมกฎบัตรว่าด้วยสิทธิครอบ-ครัวที่สันตะสำนักได้นำเสนอให้กับรัฐบาลและองค์กรนานาชาติ101 สิทธิเหล่านี้มิได้เป็นเรื่องแปลกประหลาดต่อความเชื่อของคาทอลิก แต่เกิดจากธรรมชาติของการแต่ง-งานและครอบครัว และสามารถเป็นศูนย์รวมแห่งความร่วมมือของศาสนาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี




5. ครอบครัวและการเสวนาระหว่างศาสนาต่างๆ


95.ในเอเซียเป็นที่เกิดของศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในโลก เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันที่มีการพบปะกันกับผู้คนที่มีความเชื่อแตกต่างกัน มันเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการเป็นอยู่ประจำวันที่จะต้องเป็นประจักษ์พยานถึงคุณค่าของพระวรสาร จะ-ต้อง เป็นพันธกิจในการประกาศข่าวดีของคริสตชน คำสอนของ พระคัมภีร์ดังที่ตีความโดยพระศาสนจักรจะต้องสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่ครอบครัวคริสตชนจะต้องยึดถือในชีวิตประจำวัน ในการทำภารกิจการประกาศข่าวดี ครอบครัวคริสตชนจะต้องจดจำเอกลักษณ์ของตนเองว่าเป็นคริสตชนเสมอ จะต้องซื่อสัตย์ต่อข้อผูกมัดในฐานะคริสตชน และเจริญชีวิตตามคุณค่าของ คริสตชนสำหรับครอบครัวคริสตชนนั้นเฉพาะความซื่อสัตย์ต่อเอกลักษณ์ของคริสตชนและมีความรับผิดชอบเท่านั้นที่จะสามารถเสวนาถึงชีวิตกับคนต่างศาสนาได้และทำได้อย่าง บังเกิดผล


96.สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ได้ให้ข้อสังเกตว่า "สมาชิกคริสตชนแต่ละคน และกลุ่มคริสตชนถูกเรียกร้องให้ทำการเสวนา แม้ว่าจะไม่ใช่ในระดับเดียวกัน หรือวิธีเดียวกัน" ส่วนใหญ่ใช้วิธีการเสวนาระหว่างศาสนาในระดับครอบครัวขั้นแรกเป็นการเป็นพยานถึงคุณค่าของพระวรสารที่ครอบครัวคริสตชนจะต้องทำเป็นประจำวันในสมัยนี้คุณค่าของพระวรสารเหล่านี้คือความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตตั้งแต่การปฎิสนธิ์ถึงความตายตามธรรมชาติศักดิ์ศรีของบุค-

คล ความศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงานระหว่างชายและหญิง การแต่งงานและครอบครัวเป็นสถาบันศักดิ์สิทธิ์การยอมรับและความรักต่อเด็กๆความบริสุทธิ์ตามกระแสเรียกของแต่ละคน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนจน คนป่วยและผู้ที่มีความต้องการ ความเคารพต่อคุณค่าทั่วๆไปนำไปสู่ความร่วมมือกันในการ ปกป้องและส่งเสริม


97.เฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับคนจน เป็นคุณค่าทางสังคมที่นำครอบครัวคริสตชนให้ร่วมมือกับครอบครัวอื่นๆ ที่มีความเชื่อแตกต่างกันในการส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม การเรียกร้องสันติภาพและการกลับคืนดีกัน และในการเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมมันไม่เป็นเรื่องที่ไกลเกินตัวที่จะจินตนาการว่าความสัมพันธ์ระหว่างศาสนาครอบครัวคริสตชนจะสามารถแบ่งปันประสบการณ์ที่เขามีต่อพระเจ้ากับผู้อื่นได้ ประสบการณ์ทางศาสนาในด้านความเชื่อและความรักต่อพระเยซูเจ้า มิใช่เพียงแต่เพื่อที่จะแบ่งปันตนเองในฐานะเพื่อนและเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างโปร่งใสในฐานะเพื่อน ในที่สุดไม่ควรที่จะมีข้อยกเว้นให้กับตนเองโดยคิด ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ครอบครัวคริสตชนจะสามารถนำข่าวดีแห่งความรอดไปยังประชาชนผู้ปรารถนาจะได้ยินและต้อนรับอย่างอิสระ ครอบครัวคริสตชนจำเป็นต้องประกาศอย่างน้อยโดยการสอนคำสอนให้กับสมาชิกของตนและเป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตของพวกเขา แต่ในการแต่งงานของผู้ที่นับถือศาสนาต่างกัน การเสวนาระหว่างศาสนาเป็นทั้งการเสวนาด้วยวาจา ด้วยความรักและด้วยชีวิต ในการพบปะกันครั้งแรกของชายหญิงที่มีความเชื่อต่างกัน การพิจารณาในเรื่องการความแตกต่างด้านศาสนารวมทั้งเรื่องการคืนดีกันเริ่มต้นขึ้น การเสวนาด้วยคำพูดและด้วยความรัก ดำเนินต่อไปในการติดพันกัน และการแต่งงาน เติบโตสุกงอมขึ้นไปในการเสวนาด้วยความรักถึงชีวิตตามปกติและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำของชีวิตแต่งงาน คุณค่าและทัศนคติของการเสวนานี้หลั่งไหลไปยังลูกหลานของเขา แม้ว่าจะมีความต่างด้านศาสนาแต่สะพานแห่งความรักและการคืนดีกันถูกสร้างขึ้น เป็นความจริงที่สำคัญมากในสังคมที่มีศาสนาเป็นหลักใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในความกระวนกระวาย ความเศร้าโศก ความยินดี ความหวังและความรักของการแต่งงานและชีวิตครอบครัว มีโอกาสที่พระจิตประทานให้สำหรับผู้ที่สุภาพถ่อมตน เคารพเชื่อฟัง สงบเงียบแต่จับใจในการประกาศความเชื่อของคริสตชน


6.ครอบครัวและชุมชนพระศาสนจักรพื้นฐาน

99.พระศาสนจักรท้องถิ่นเป็นชุมชนพื้นฐาน เป็นรูปแบบของพระศาสนจักรและต้องถือว่าเป็นพระศาสนจักรอย่างแท้จริง ต้องเป็นส่วนหนึ่งของพระศาสนจักรทั้งครบสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทรงรับรองการอภิบาลที่ย้ำเตือนว่าพระสังฆราชของเอเชียได้มอบให้ชุมชนคริสตชนพื้นฐานเป็นการส่งเสริมชุมชนคริสตชนให้มีส่วนร่วมในวัดและสังฆมณฑลอย่างมีประสิทธิภาพและมีพลังเพื่อการประกาศข่าวดี... ดังนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เข้มแข็งในการสร้างสังคมใหม่ เป็นการแสดงออกของความรักที่พัฒนาแล้วไม่ต้องสงสัย เลยว่าครอบครัวมีฐานะเป็นพระศาสนจักรท้อง-ถิ่น มีศูนย์กลางอยู่ในงานอภิบาลของการก่อตั้งชุมชนคริสตชนพื้นฐานในเอเซียครอบครัวเป็นส่วนประกอบพื้นฐานเบื้องต้นของชุมชนคริสตชนพื้นฐาน ในหลายกรณีชุมชนคริสตชนพื้นฐานประกอบขึ้นจากการรวมตัวกันของครอบครัว

เพื่อนบ้านที่มารวมกันเป็นประจำเพื่อสวดภาวนาอ่านและไตร่ตรองถึงพระวาจาของพระเจ้า และใช้พระวาจาในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกันการรวมตัวของครอบครัวถือศาสนาต่างกันในชุมชนมนุษย์ขั้นพื้นฐานได้รวมกันเพื่อภาวนาตามศาสนาของตน มีการไตร่ตรอง มีมิตรภาพและมีการทำความดีเพื่อเพื่อนบ้าน


100.จะพูดได้หรือไม่ว่าจุดศูนย์กลางของการประกาศข่าวดีควรเป็นครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นจุดหมายปลายทางหรือจุดเริ่มต้น ซึ่งโครงการอภิบาลของทุกวัดจะต้องมุ่งไปให้ถึงชุมชน คริสตชนพื้นฐานนี้ จะกลายเป็นชุมชนของครอบครัว และวัดก็จะเป็นกลุ่มของชุมชน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของครอบครัวในทุกด้านของชีวิตมนุษย์ในชุมชนคริสตชนพื้นฐานเช่นเดียวกันกับใน BHC อันที่จริงกลับเป็นระดับย่อยที่ตอบสนองต่อปรากฎการณ์ของเศรษฐกิจและวัฒนธรรมโลกาภิวัฒน์ เป็นชุมชนเหล่านี้ในระดับของครอบครัวที่ซึ่งโลกาภิวัฒน์ของความรักและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเริ่มขึ้น ในทางกลับกันสิ่งเหล่านี้ต้องการการฟื้นฟูโครงสร้างของวัดและโปรแกรมการอภิบาลพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงในการจัดลำดับความสำคัญของศาสนบริกร ทั้งฆราวาสและพระสงฆ์ การอบรมด้านความเชื่อในครอบครัวนำครอบครัวไปสู่การแพร่ธรรมในชุมชนคริสตชนพื้นฐาน หรือ BHC มุ่งไปยังวัฒนธรรมแห่งชีวิตกลายเป็นลำดับความสำคัญเบื้องต้นในการอภิบาลที่ครอบคลุม



7. ครอบครัวในฐานะประกาศก


101.จากการไตร่ตรองทั้งหมดนี้ในเรื่องครอบครัว มิติด้านหนึ่งที่มีความสำคัญมากเกิดขึ้น ครอบครัวเป็นประกาศก ที่แท้จริง ที่พระเจ้าทรงมอบให้ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และทรงเรียกให้ช่วยในการสร้างวัฒน-ธรรมแห่งชีวิต ธรรมชาติของมันคือการชี้ให้เห็นคุณค่าของอาณาจักรพระเจ้าคุณค่าของมนุษย์ที่เหนือกว่าคือการแบ่งปันเป็นเครื่องหมายของอาณาจักรของพระเจ้า ครอบครัวเป็นกลุ่มประกาศกในสังคม ครอบครัวเรียกร้องให้สังคมต้องฟื้นฟูตนเองอย่างลึกซึ้งจากพลังแห่งความตายหลายประการที่ต้องการทำลายของขวัญแห่งชีวิตของพระเจ้ารวมทั้งความรักความยุติธรรมความกลมกลืนและสันติภาพ

102.ความซื่อสัตย์ต่อเอกลักษณ์และกระแสเรียกดังเช่นพระศาสนจักรในบ้าน ครอบครัวเป็นประกาศกให้กับพระศาสนจักรทั้งหมด เมื่อพระศาสนจักรไม่อาจดำรงชีวิตตามเอกลักษณ์ของตนในฐานะที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพันธสัญญาแห่งความรักและชีวิต ในฐานะที่เป็นหนึ่งเดียวและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เมื่อพลังอ่อนแอลงในด้านพันธกิจการแพร่ธรรมอันจะนำไปสู่ความรอด เมื่อผู้อภิบาลมีความประพฤติไม่สมที่จะเป็นชุมพาบาลในหัวใจของพระเจ้า เมื่อความเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรี การร่วมรับผิดชอบ การร่วมมือและการอุทิศตนด้วยใจกว้างไม่เกิดผลในพระศาสนจักรเมื่ออำนาจความเห็นแก่ตัว และการดูถูกเหยียดหยามเกิดขึ้นภายในโครงสร้างเอง เป็นครอบครัวที่ได้รับการเรียกในฐานะประกาศกให้เป็นครอบครัวของพระเจ้าไปยังหนทางที่ต้องฟื้นฟูอย่างลึกซึ้ง ด้วยวิธีการนี้ โดยการเป็นพยานของพระศาสนจักรท้องถิ่นพระศาสนจักรทั้งหมดก็เป็นการแต่งงานด้วย เช่นได้รับอิทธิพล จากประสบการณ์ของคู่แต่งงาน ด้วยเหตุนี้ครอบครัวจึงต้องเจริญชีวิตสนิทกับพระเจ้าเสมอด้วยจิตตารมณ์ของความเป็นหนึ่งเดียว และเป็นสานุศิษย์ที่มีชีวิตชีวา



. ชีวิตจิตของครอบครัว

ที่มุ่งสู่วัฒนธรรมแห่งชีวิต


103.คำถามสำคัญที่บิดามารดาและครอบครัวของเขา ถามก็คือ ความเชื่อของฉันสอนอะไรเกี่ยวกับความหมายของการแต่งงานและครอบครัวของเรา นอกจากว่าเขาจะต้องได้รับคำตอบที่สอดคล้องเชื่อมโยงกับความเชื่อและชีวิตและกลายเป็นภาคปฏิบัติในชีวิตของเขา การแต่งงานและชีวิตครอบครัวก็จะเสียการนำทางเบื้องต้นในการเผชิญกับปัญหาและการท้าทายคำตอบระดับแรกอยู่ในความหมายของการแต่ง-งานและครอบครัว ที่เราได้ไตร่ตรองในคำว่าพันธสัญญาของความรักและชีวิต ความเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการแพร่ธรรมสำหรับคำตอบที่อยู่ในระดับลึกกว่าก็คือ อยู่ในศูนย์กลางของตัวตนของคน คือชีวิตจิต จิตตา-

รมณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวจิตตารมณ์ของการเป็นศิษย์และจิตตารมณ์แห่งศีลมหาสนิท



1. จิตตารมณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียว


104.หัวใจของการแต่งงานก็คือความรัก ความรักของพระเป็นเจ้าดึงดูดชายและหญิงให้มาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความรัก ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในการแต่งงานความรักเปิดสู่ชีวิตในบรรดาบุตรหลานของเขา จิตตารมณ์ของการแต่งงาน ตั้งอยู่บนความเป็นหนึ่งเดียวของความรักเพื่อจิตตารมณ์ของการแต่งงานจะเป็นจิตตารมณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวได้ตัวตนทั้งหมดของภรรยาหรือสามีเกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งอารมณ ความรู้สึก หัวใจและร่างกาย ความแตกต่างด้านเพศที่ทำให้เป็นชายหรือหญิงและดึงดูดเข้าหากันและกันนี่ หมายความว่าในการแต่งงานจุดสุดยอดในการเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งความคิดและหัวใจเกิดขึ้นโดยการให้ตัวเองของแต่ละคนในความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา เป็นของขวัญอันน่าพิศวงและเป็นข้อลึกลับจากพระเจ้า ความลึกซึ้งของความเป็นหนึ่ง-เดียวที่คู่แต่งงานได้มีประสบการณ์ในความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาความรู้สึกอันลึกซึ้งของการมอบตัวเองด้วยความรักสำหรับคู่รัก ชี้ให้เห็นข้อลึกลับจากประสบการณ์ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาที่คนหนึ่งสูญเสียตนเองทั้งหมดเพื่ออีกคนหนึ่ง พวกเขาได้ถูกดึงดูด และโดยความดีของชีวิตและนำไปสู่ความเข้าใจของความลึกซึ้งของธรรมชาติของพระเจ้าว่าเป็นความรักที่มอบตนเอง ดังนั้นแทนที่จะทำให้ชีวิตจิตอ่อนแอลงดังมุมมองสองฝักสองฝ่ายที่ดูหมิ่นร่างกายมนุษย์ ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวของความคิดและหัวใจที่แสดงออกในความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยามีชีวิตชีวาด้วยความรัก สนับสนุน และให้กำลังกับ จิตตารมณ์ในการแต่งงานให้เป็นจิตตารมณ์ของความเป็นหนึ่งเดียว ยิ่งกว่านั้นในการเติมเต็มธรรมชาติที่เปิดรับการมีบุตร ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาที่ทำด้วยความรัก ส่งเสริมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน การเกิดของลูก และภาพลักษณ์ของพ่อแม่และลูก ก่อให้เกิดความคิดถึง ความเป็นหนึ่งเดียวของพระตรีเอกภาพ ลูกเป็นของขวัญอันทรงคุณค่าจากพระเจ้าและเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าเด็กๆนำความยินดีให้กับบิดามารดาพวกเขาทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาและความสัมพันธ์ในครอบ-ครัวแน่นแฟ้นขึ้น เด็กๆ เป็นความท้าทายที่ทำให้พ่อแม่เติบโตเป็นพ่อแม่ที่มีความรับผิดชอบ


105.ดังเช่นในการแต่งงานหัวใจของครอบครัวก็คือความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ความเป็นหนึ่งเดียวของคู่แต่งงาน ความเป็นหนึ่งเดียวของพ่อแม่ที่อายุน้อยหรืออายุมากกับบรรดาลูกของเขา เป็นหนึ่งเดียวกับปู่ย่าตายายและสมาชิกอื่นของครอบครัวขยาย ความสัมพันธ์อันเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ เหนือกว่าการอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันเท่านั้น หรือมีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดเป็นความเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งของหัวใจและความคิด ในแบบมนุษย์แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้าพระบิดาพระบุตรและพระจิต พระเจ้าสามพระบุคคลซึ่งประกอบกันเป็นครอบครัว โดยคำจำกัดความวัฒนธรรมแห่งชีวิตหยั่งรากในความรักและชีวิตในพระตรีเอกภาพ ดังนั้นจิตตารมณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวนำครอบครัวให้กลายเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมแห่ง

ชีวิต


106.อย่างไรก็ตามความเป็นหนึ่งเดียวภายในครอบครัวยังออกไปถึงชุมชนที่กว้างกว่าและทำให้ครอบครัวไปสู่พันธกิจ การบริการ เพื่ออาณาจักรของพระเจ้าการเคลื่อนไหวภายนอกช่วยให้ครอบครัวแบ่งปันความเป็นหนึ่งเดียวของพระตรีเอกภาพที่ครอบครัวได้รับเป็นของขวัญจิตตารมณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวซึมซับอยู่ภายในครอบครัวด้วยความกระตือรือล้น ความสัมพันธ์ระหว่างคู่แต่งงาน ระหว่างพ่อแม่และลูก ระหว่างสมาชิกของครอบครัวขยายไปในวงกว้างที่รวมไปถึงเพื่อนบ้านชุม-ชนทั้งหมด ปราศจากจิตตารมณ์เช่นนี้ครอบครัวจะไม่สามารถขึ้นไปถึงการพบเอกลักษณ์และการแพร่ธรรม



2.จิตตารมณ์ของการเป็นศิษย์

และหนทางธรรมดาสามัญ


107.สำหรับครอบครัวคริสตชนจิตตารมณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวเป็นจิตตารมณ์ของการเป็นศิษย์เป็นจิตตารมณ์ของการเป็นกรรมสิทธิ์ของพระคริสตเจ้าและติดตามพระองค์ ครอบครัวที่เป็นศิษย์เริ่มต้นด้วยการฟังพระคริสตเจ้าและเอาใจใส่ทำตามพระวาจาในประสบการณประจำวันของการเป็นคู่แต่งงานและครอบครัวตามแนวทางแห่งพระวรสาร สิ่งที่ พระนางมารีย์ได้บอกกับคนรับใช้ที่เมืองคานาในการเริ่มต้นของชีวิตของคู่แต่งงานใหม่เป็นเหมือนการพูดกับครอบครัวว่า "เขาบอกให้ท่านทำอะไรก็จงทำเถิด" นี่เป็นเรื่องของการฟังพระเยซูเจ้า และทำตามพระประสงค์ของพระองค์ในความสัมพันธ์ในครอบครัวที่กำลังทำงานอยู่ หรือในเหตุการณ์ประจำวันที่กระทบต่อชีวิตครอบครัว อันที่จริงด้วยเหตุการณ์ธรรมดารวมทั้งความชื่นชมยินดีความหวัง ความเศร้าโศก ความกังวล ความลำบาก ความทุกข์ลำเค็ญที่ครอบครัวได้ประสบ ครอบครัวจะค้นพบว่าสิ่งใดที่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าและสิ่งใดไม่เป็น อะไรที่ทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เกิดความยุติธรรม ความสามัคคี ความกลมเกลียว สันติภาพ และความรัก และอะไรที่ไม่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้โดยผ่านวิธีการธรรมดาของการให้ความรักและเอาใจใส่ การให้บริการและทำสิ่งที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบในครอบครัวแล้วนั้นก็จะได้รับความศักดิ์สิทธิ์โดยผ่านทางพระหรรษทานของพระเจ้า ทำด้วยความรักซื่อสัตย์ต่อการเป็นสานุศิษย์ สิ่งธรรมดาสามัญเป็นหนทางของครอบครัวเพื่อมุ่งไปสู่วัฒนธรรมแห่งชีวิต อาการซึ่งครอบครัวดำรงชีวิตอยู่ในแบบธรรมดานี้เป็นวิธีการที่แสดงให้เห็นถึงข้อผูกมัดที่มีต่อพระอาณาจักรของพระเจ้าสำหรับคู่แต่งงานและครอบครัวที่มีความเชื่อ จะเห็นชัดว่าในวิธีการธรรมดานั้นทำให้มีประสบการณ์และตระหนักได้ถึงสิ่งที่ไม่ธรรมดา ด้วย วิธีการธรรมดาพระเจ้ามาปรากฎให้เราเห็นและสัมผัสได้


108.ด้วยการพิจารณาว่าคุณค่าหรือการกระทำใดที่จำเป็นต้องตระหนักและสนับสนุน คู่แต่งงานและครอบครัวจำเป็นต้องระลึกถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าที่ประทับอยู่อย่างใกล้ชิดในชีวิตของพวกเขา พระจิตเจ้าตรัสกับพวกเขาและโดยทางพวกเขา ดังนั้นพระศาสนจักรทั้งหมดจะต้องสนใจอย่างจริงจังด้านประสบการณ์แห่งความเชื่อของคู่แต่งงานและครอบครัวของเขาว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการพิจารณาใน พระศาสนจักร


109.การรับรู้ความเป็นเอกลักษณ์อันหาที่เปรียบมิได้และ ความร่ำรวยของศีลกล่าวของคริสตชน และความต้องการด้านชีวิตจิตของครอบครัวคริสตชน เราจำเป็นต้องขยายขอบฟ้าของเรา คุณค่าเดียวกันที่สำคัญในชีวิตจิตของครอบครัวคริสตชนคล้ายคลึงกับคุณค่าที่จำเป็นต้องมีในความสัมพันธ์ของคนกับการนับถือศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกายและกับครอบครัว นับถือศาสนาต่างกัน นี่เป็นคุณค่าของพระอาณาจักร ชีวิต ความเป็นหนึ่งเดียว การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พันธกิจ การให้บริการ ความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม ความสามัคคี ความกลมเกลียว สันติภาพ ความรักการฟังพระวาจาและกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า คุณค่าเหล่านี้อยู่ในชีวิตประจำวันของชีวิตครอบครัว นี่คือการเป็นสานศิษย์ในอาณาจักรพระเจ้า สิ่งที่จะพูดต่อไปเกี่ยวกับการอบรมมโนธรรม การภาวนา ความรักที่เข้มแข็งขึ้นด้วยการแบ่งปันของทั้งสองฝ่ายทั้งในยามโศกเศร้าหรือในความชื่นชมยินดีความซื่อสัตย์ต่อความรับผิดชอบ ดัง"ศีลมหาสนิทที่เป็นการมอบตนเอง และทำให้กันและกันศักดิ์สิทธิ์ไปในครอบครัว เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตจิตของอาณาจักรของพระเจ้า"



3. การอบรมมโนธรรมและพระหรรษทานของการแต่งงาน


110. บทบาทของมโนธรรมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในด้านชีวิตจิตของครอบครัวพระเจ้าได้ทรงประทับตรากฎหมายลง ในหัวใจของทุกคน กฎหมายที่ทุกคนต้องเชื่อฟังเป็นดัง พระสุรเสียงของพระเจ้าให้ทำสิ่งที่ดีและหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นความชั่ว มโนธรรม "อยู่ในแก่นของตัวตนของคน" "อยู่ใน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหัวใจ" มโนธรรมเป็นของขวัญจากพระเจ้าสำหรับชายและหญิงให้เป็นมนุษย์แท้จริงและเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์กับพระเจ้าเมื่อสมาชิกทุกคนของครอบครัวทำตามมโนธรรม "ช่วยด้วยกฎทางศีลธรรม" ครอบครัวก็รวมเป็นหนึ่งเดียวในความรักกับพระประสงค์ของพระเจ้าเองการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าจึงเข้มแข็งขึ้น มันจะนำทางครอบครัวให้แสวงหาความจริงในการทำตามมโนธรรมสมาชิกของครอบครัว ไม่ควรทำเพียงตามความคิดเห็นในปัจจุบันหรือความต้องการอยากได้ของตนเองเท่านั้น ชีวิตและความประพฤติของพวกเขาจะต้องถูกปกครองโดยพระเจ้าที่ตรัสผ่านทางมโนธรรมตามแนวทางการสั่งสอนของพระศาสนจักรว่าเป็นการตีความของกฎหมายของพระเจ้าอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญเมื่อเราสำนึกว่าบาปก่อให้เกิดความผิดระเบียบต่ออิสรภาพของมนุษย์ และพระหรรษทานของพระเจ้าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะนำไปสู่ทางที่ดี ในปัจจุบันนี้ที่มีการประพฤติไปในทางโลกมากขึ้น พระเจ้ากลายเป็นความคิดที่ล้าหลังและพระศาสนจักรของพระองค์ก็เป็น "เสียงในที่เปลี่ยว" ดังนั้น มโนธรรมจะต้องเป็นแนวทางเดียวกับกฎหมายของพระเจ้า ซึ่งให้ความหมายของความรักในการแต่งงานปกป้องและนำทางไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง เพื่อจะก่อให้เกิดมโนธรรมอันเที่ยงตรงเชื่อฟังกฎหมายของพระเจ้า เป็นสิ่งจำเป็นในมิติของความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาและจิตตารมณ์ของครอบครัวสิ่งนี้ขยายงานของบิดามารดาในการให้การศึกษากับบุตรหลานและสร้างมโนธรรมที่ถูกต้องให้กับพวกเขา ขณะเดียวกันเมื่อบรรดาเด็กได้เห็นพ่อแม่ของเขาเป็นตัวอย่างแห่งการซื่อสัตย์รับผิดชอบ ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจและความกล้าที่จะเลียนแบบ สิ่งที่เขาได้เห็นพ่อแม่ของเขาทำ เขาสามารถที่จะเรียนรู้และมีชีวิตที่กตัญญูและศรัทธาในศาสนามีความเคารพยำเกรงและความเชื่อฟัง

111.แม้ว่าในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ปกติหรือไม่ปกติสิ่ง ที่เชื่อถือได้และการประทับอยู่ของพระเจ้าในครอบครัวเป็นแหล่งที่มาอันแน่นอนที่ให้กำลังในการเดินทางไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อบอกเราว่าคู่แต่งงานคริสตชนได้รับการเสริมกำลังและถวายเพื่อหน้าที่และศักดิ์ศรีในฐานะของเขาด้วยศีลศักดิ์สิทธิ์อย่างพิเศษ เติมเต็มความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเขาและบทบาทของครอบครัวโดยคุณธรรมของศีลศักดิ์สิทธิ์นี้คู่แต่งงานเปี่ยมไปด้วยพระจิตของพระคริสตเจ้าและชีวิตของเขาทั้งหมดก็เอิบอิ่มไปด้วยความเชื่อ ความหวังและความรัก ดังนั้นพวกเขาก็ได้เพิ่มความบริบูรณ์ให้กับตนเอง และความศักดิ์สิทธิ์ของกันและกัน และเขาก็คืนพระสิริโรจนาให้กับพระเจ้าด้วยกันในคำภาวนาหรือในการทำงานการสำนึกถึงพระหรรษทานพิเศษของการแต่งงานจะเกิดผลทางชีวิตจิตที่ยิ่งใหญ่และผลชั่วคราวสำหรับครอบครัว และจะเตือนครอบครัวอยู่เสมอถึงการประทับอยู่ของพระตรีเอกภาพ


4. การภาวนา ข้อลึกลับปัสกาและศีลมหาสนิท


112.การภาวนาเป็นศูนย์กลางของจิตตารมณ์นี้เป็นการภาวนาโดยครอบครัว สำหรับครอบครัวและภาวนากับครอบครัวจำเป็นที่ครอบครัวต้องได้รับการสนับสนุนและฝึกฝน ให้ภาวนาสม่ำเสมอในฐานะที่เป็นครอบครัวไม่เพียงแต่ในโอกาสพิเศษ เช่นวันเกิดและวันฉลองต่างๆเท่านั้น การภาวนาในครอบครัวจะต้องจัดอย่างมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เชื่อมโยงกับประสบการณ์ประจำวันทุกวันในครอบครัวกับคุณค่าของพระวรสารการอ่านและรำพึงพระวาจาของพระเจ้าเช่นในเล็คซีโอดีวีนา ควรเป็นสิ่งที่ทำกันเป็นปกติในการภาวนาของครอบครัว เช่นเดียวกันสำหรับชีวิตครอบครัวตามประสบ-การณ์แสดงให้เห็นถึงการมีความศรัทธาต่อพระนางพรหมจารีย์มารดาของพระเจ้าราชินีของครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวดสายประคำเป็นประจำการสร้างรูปแบบใหม่ของการภาวนาในบ้าน เช่นเดียวกับการฟื้นฟูพิธีกรรมและความศรัทธา เพื่อให้เขาเติบโตและเกิดความเคยชินจะเป็นประ-โยชน์มากการภาวนาที่ แสดงให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าคือบทภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนให้กับครอบครัวแห่งความเชื่อของพระองค์ บทข้าแต่พระบิดาเป็นบทภาวนาสากลและยิ่งกว่านั้นเป็นบทภาวนาของครอบครัวซึ่งบิดาผู้สูงสุดคือพระเจ้า


113.ครอบครัวที่ สวดภาวนาจะสามารถเดินไปกับพระจิตเจ้า ดำเนินชีวิตในพระจิตเจ้า คงอยู่ในพระจิตเจ้าและ ติดตามพระคริสตเจ้าด้วยการเป็นสานุศิษย์ที่ซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์ในการแต่งงานความเข้มแข็งของการแต่งงาน ความสามารถของคู่แต่งงานและลูกๆ ของเขาที่จะตอบรับอย่างเหมาะสมต่อการท้าทายของชีวิตประจำวันเป็นพระหรรษทานของพระจิตเจ้า ที่ได้วอนขอเมื่อภาวนาแม้ว่าจะได้รับจากศีลกล่าว "จำเป็นต้องมีความกล้าหาญอย่างเด่นชัด เพื่อที่จะทำหน้าที่ตามกระแสเรียกของคริสตชนอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นคู่แต่งงานจำเป็นต้องได้รับพระหรรษทานเพื่อที่จะมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะกระหายที่จะปฏิบัติความรักที่มั่นคง ใจกว้างและพร้อมที่จะเสียสละ และขอสิ่งนี้ในการภาวนา ของพวกเขา"

114.ในที่สุด เราควรสำนึกว่าขณะที่บทบาทอันศักดิ์สิทธิ์ของครอบครัวคริสตชนอยู่บนพื้นฐานของศีลล้างบาปและศีลกำลัง ยังมีการแสดงออกที่สูงสุดในศีลมหาสนิทเพราะว่าศีลมหาสนิท เป็นการระลึกถึงพระมหาทรมานความตายและการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้า ข้อลึกลับปัสกา บ่อเกิดแห่งความรอดของเรา แม้ว่าเมื่อพระคริสตเจ้ากลับเป็นขึ้นมาจากความทุกข์ทรมานและความตาย เช่นเดียวกันข้อลึกลับปัสกาที่กลับกลายเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ในศีลมหาสนิท ครอบครัวก็ได้รับอำนาจให้ลุกขึ้นจากการทดลองประจำวัน ความวิตก-กังวลความท้อแท้แม้กระทั่งการหมดหวัง แบบต่างๆ ของ "ความตาย" ที่คู่แต่งงานและชีวิตครอบครัวต้องได้รับเป็นประจำวัน แน่นอนทีเดียวว่า ความชื่นชมยินดี ความหวัง การให้อภัย การคืนดีกันและพลังสำหรับคู่แต่งงานและครอบครัวของเขามาจากศีลมหาสนิท

115.ศีลมหาสนิทแสดงถึงพันธสัญญาแห่งความรักระหว่างพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์ ดังนั้นในพิธียัญบูชาแห่งศีลมหาสนิทสามีและภรรยาได้พบแหล่งที่มาของสัญญาแห่งความรักของพวกเขา ด้วยเหตุนี้เองทั้งสามีภรรยาไม่ควรมองพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณว่าเป็นเพียงกฎข้อบังคับ แต่เป็นการเฉลิมฉลองที่พวกเขาได้พบหน้าต่อหน้ากับศีลศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นบ่อเกิดของความเป็นหนึ่งเดียวของพวกเขา เช่นเดียวกับการฉลองเหตุการณ์นี้กับลูกๆ เป็นการรื้อฟื้นการใช้ชีวิตคู่และพันธสัญญาแห่งความรัก สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 เตือนเราว่า ศีลมหาสนิทได้เสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและหล่อเลี้ยงความเป็นหนึ่งเดียวด้วยโดยทางศีลมหาสนิทนี้ที่สามีภรรยาและทั้งครอบครัว

ฉลองข้อลึกลับของการเป็นหนึ่งเดียวกันในพระกายพระคริสตเจ้า และเป็นหนึ่งเดียวกันกับกันและกัน ดังที่นักบุญเอากุสตินกล่าวว่า "ถ้าท่านเป็นพระกายของพระคริสตเจ้าและสมาชิกของพระองค์ ท่านก็จะได้พบข้อลึกลับของท่านจัดไว้ให้ที่โต๊ะของพระเจ้า แน่นอนทีเดียวท่านได้รับข้อลึกลับของตัวท่านเอง ในบริบทนี้มิบังควรหรือที่จะเฉลิมฉลองปีแห่งศีลมหาสนิทตั้งแต่เดือนตุลาคม 2004 ถึง ตุลาคม 2005 ให้เป็นปีครอบครัวเช่นเดียวกัน เพื่อว่าครอบครัวจะได้เอาใจใส่อย่างซื่อสัตย์ต่อพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ที่ว่า "ท่านเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว จิตตารมณ์ของการเป็นหนึ่งเดียวและการเป็นศิษย์ที่จำเป็นสำหรับครอบครัว ก็เป็นจิตตารมณ์ของศีลมหาสนิทด้วยเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำในศีลมหาสนิท การออกจากตัวเองทั้งครบ การมอบตนเองให้ด้วยความรัก ด้วยเหตุผลนี้การเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทควรเป็นเรื่องของครอบครัวที่ฉลองโดยให้สมาชิกของครอบครัวทุกคนมีส่วนร่วมรวมทั้งเด็กและทารก"