Deep Thoughts|50

เหยื่อปลอม


นานแล้วที่ผมไม่ได้จับคันเบ็ด แม้จะชอบเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ไปตกปลาตามใจปรารถนา

สำหรับผม มันเป็นช่วงเวลาผ่อนคลายมากกว่าจะเป็นการเอาเป็นเอาตาย ต่างกับที่เพื่อนๆ ผมเขาทำกัน จะเป็นการเอาเป็นเอาตาย ต่างกับที่เพื่อน ๆ ผมเขาทำกัน จะไปตกปลาในแต่ละที ก็ต้องจับปลามาให้ได้

ตั้งเป้าไว้เป็นมั่นเหมาะตั้งแต่เตรียมคันเบ็ดเตรียมเบ็ด เตรียมเหยื่อ... พอเริ่มตกปลา ก็เริ่มเครียด... จะมีปลาหรือไม่มี ปลาจะกินเหยื่อหรือไม่กิน จะได้หรือไม่ได้ แล้วก็เริ่มหงุดหงิดเมื่อทุกอย่างเงียบเชียบลนลานย้ายที่ไปเรื่อย ๆ ปากก็บ่นว่าปลาบ้างดินฟ้าอากาศบ้าง โชคชะตาบ้าง...

แล้วก็เปลี่ยนเหยื่อปลอมหลากชนิด ตั้งเป้าหมาย... จะเอาปลามาให้ได้ด้วยทุกวิธีการ ถ้าได้ก็ถือเป็นชัยชนะ ถ้าอดก็เป็นความผิดหวัง ความล้มเหลว...และแล้ว แทนที่จะเป็นการไปพักผ่อน กลับต้องเครียดกลับมา


ความสุขของผมนั้น เริ่มตั้งแต่เอาเหยื่อใส่เบ็ด... ไส้เดือนถ้าขุดได้ หรือไม่ก็เศษเนื้อหมูเฉือนเป็นชิ้นเล็กๆ มีตังค์หน่อยก็กุ้งฝอย

แล้วก็หย่อนเบ็ดลงน้ำ นั่งมองดูทุ่นที่ลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่บนผิวน้ำที่สงบนิ่ง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับได้สัมผัสกับความสดชื่นของสายน้ำโดยมีสายเบ็ดเป็นตัวเชื่อมโยง

จิตใจเริ่มสงบนิ่ง ในขณะที่ความนึกคิดล่องลอยไปอย่างไร้พรมแดน จะหยุดชะงักครู่เมื่อทุ่นเริ่มขยับเขยื้อน มีการกระตุกจากใต้คันเบ็ดรวดเร็วและเด็ดเดี่ยว

ความเริงร่าแฝงออกมาทางรอยยิ้มกริ่ม ขณะที่ปลาพยายามแหวกว่ายหนีด้วยความตกใจ ลากสายเบ็ดให้ไกลออกไป

เย่อกันไปเย่อกันมา ระหว่างพรานเบ็ดสมัครเล่นกับเหยื่อวารีตัวน้อยแล้วทุกอย่างก็สงบเงียบอีกครั้ง เมื่อผมหย่อนเบ็ดพร้อมเหยื่อลงไปใหม่ แล้วก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป ไปตามกระแสน้ำอ้อยอิ่ง

มันเป็นช่วงเวลาที่ความคิดเป็นอิสระ ไม่ถูกกำหนด ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการชี้บอก... เป็นการพักผ่อนความคิด ที่หาได้ยากยิ่ง อันที่จริงแล้ว คนเรามักให้ความสำคัญแก่การพักผ่อนร่างกายด้วยการหยุดการกระทำ และการเคลื่อนไหวต่างๆ แต่ไม่ค่อยคำนึงถึงการพักผ่อนความนึกคิดบ้าง

สมองจึงต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ร่างกายหยุดพักผ่อน...นั่งดูโทรทัศน์ แต่ต้องคิดไปตามเรื่องราวที่สายตารับรู้ ...อ่านหนังสือ ความคิดต้องทำงานไปตามเรื่องราวที่ผูกร้อยขึ้นมาด้วยตัวอักษร

...นั่งคุยกัน ความคิดต้องโลดแล่นไปตามเนื้อหาที่ได้ฟังได้ยิน แล้วก็นึกว่าได้พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ทั้ง ๆ ที่สมองยังต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา

คิดเพลินไปเรื่อยๆ ไม่เห็นทุ่นเคลื่อนไหวนาน ก็จะดึงเบ็ดขึ้นมาดูที ถ้าเหลือแต่เบ็ด เหยื่อหายไปก็ถือว่าเป็นการเลี้ยงปลา...กินบ้าง ถูกกินบ้าง ดูแฟร์ดี

ถ้าเหยื่อยังอยู่ ก็แสดงว่าจืดชืดไร้กลิ่นคาวไปแล้ว ต้องเปลี่ยนเหยื่อใหม่ ถือว่าจะได้ปลามาทั้งทีต้องลงทุนให้เหยื่อสดดูน่ากินบ้าง

ผมจึงไม่ชอบการใช้เหยื่อปลอม เพราะมันบ่งบอกถึงการคิดจะได้อย่างเดียว นอกจากจะเป็นการหลอกแล้ว ยังไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งได้อะไรบ้าเลย...

จริง ๆ แล้ว ถ้าคิดกันอีกที เหยื่อปลอมไม่ใช้กันเฉพาะตกเบ็ดอย่างเดียว แต่ใช้กันแทบทุกเรื่อง ตั้งแต่ธุรกิจ การเมือง ไปจนถึงการมีปฏิสัมพันธ์กันในทุกระดับ

อย่างที่พูด ๆ กันว่า เอาแต่ได้ ไม่คิดจะลงทุนบ้างหรือไง ประเภทดูมีน้ำใจ ท่าทีเอื้อเฟื้อ มีมิตรไมตรี หวังดี ดูเป็นห่วงเป็นใย เอาอกเอาใจ... แต่ก็เป็นแค่เหยื่อปลอม ล่อให้ตายใจ แล้วก็ฉกฉวยผลประโยชน์ไปอย่างไร้เยื่อใย

ต้องเสียทั้งตัว เสียทั้งข้าวของเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศศักดิ์ศรี...โดยไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อยนิด

ถ้าเป็นปลาที่หลงเหยื่อปลอมก็พอทำเนา แต่คนยอมให้เหยื่อปลอมหลอกได้ นี่สิน่าคิด.