รักถึงที่สุด
เรียบร้อยไปด้วยดี ฉลอง 50 ปี แห่งชีวิตสมรส
เป็นผู้ใหญ่ที่ผมให้ความเคารพนับถือมาก จนผมอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ไม่อาจจะไปร่วมงานวันนั้น
อย่างไรก็ตาม ผมร่วมยินดีและชื่นชอบมาโดยตลอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านทั้งสองมาถึงขวบ 50 ปี ของการใช้ชีวิตคู่
ความเคารพและความชื่นชอบเปลี่ยนเป็นความพิศวง เมื่อท่านบอกเคล็ดลับเบื้องหลังความสำเร็จอันงดงาม
“คนมักจะถามว่า อยู่ด้วยกันนานไม่ทะเลาะกันบ้างหรือไง?” ท่านพูดไปหัวเราะไป ประสาคนอารมณ์ดี
“อยู่ด้วยกันนานๆ ก็ต้องทะเลาะกันบ้าง ไหนจะความคิดต่างกัน ไหนจะต่างในนิสัยใจคอ...แต่ผมไม่กล้าทะเลาะ” ท่านพูดไปตามความจริง ประสาคนเท้าติดดิน
“เคยคิดจะทะเลาะอยู่บ่อยๆ แต่พอคิดขึ้นมาว่า หากทะเลาะกันแล้ว ตอนเย็นจะสวดภาวนาก่อนนอนด้วยกันไม่ได้...” ท่านพูดต่อ เสียงเรียบๆ แต่จริงใจ
“ตัวผมเองนี่นะ ไม่สวดก่อนนอนไม่ได้เสียด้วย...เลยต้องอดกลั้นอารมณ์ไว้ตลอดมา” พูดแล้วก็หัวเราะเล็กน้อย สีหน้าออกเขินเล็กน้อย
“พระเยซูเจ้าก็ทรงสอนไว้อย่างนั้น...บอกว่าถ้าจะไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า ต้องคืนดีกับเพื่อนมนุษย์เสียก่อน... นอกจากจะปฏิบัติเองแล้ว ยังสอนลูกสอนหลานไว้ด้วย มันได้ผลดีจริงๆ...” ท่านยืนยันอย่างเห็นจริงเห็นจัง
“ส่วนเรื่องความซื่อสัตย์ต่อกันนั้น ผมก็มีวิธีเหมือนกัน...” ท่านพูดต่อ แววตาเป็นประกายชวนให้อยากรู้อยากเห็น
“ผมให้เขาใส่กรอบรูปแม่บ้าน ติดไว้ที่ผนังห้องด้านปลายเตียง... เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ ก่อนจะหลับตานอนก็มองเห็น ตื่นนอนก็มองเห็น เรียกว่าอยู่ต่อหน้าต่อตาเสมอนั่นแหละ...” ท่านเผยเคล็ดลับประการสองต่อ น้ำเสียงยังคงเรียบเสมอต้นเสมอปลาย
“เรียกได้ว่ามีเค้าอยู่ต่อหน้าต่อตาตลอดเวลา...เลยไม่คิดจะมองใครอื่นเป็นพิเศษ ก็อยู่กันมาด้วยความรักความเห็นอกเห็นใจตลอด...” พูดเสร็จก็ยิ้มกว้าง จนเห็นฟันปลอมเรียงรายอย่างมีระเบียบ
ได้ยินแล้ว ทำให้ผมหวนไปคิดถึงภาพยนตร์ที่ได้ไปชม
“The Jungle 2” เป็นภาพยนตร์ตลก แต่ก็สอดแทรกสิ่งชวนคิดหลายอย่าง
ผมคงไม่เล่าเรื่องราวเพราะผู้อ่านหลายท่านคงได้ไปชมกันมา
หลังจากที่พลัดพรากจากกันเพราะหน้าที่การงาน จนดูเหมือนความรักที่เคยมีจืดจางลงไปแล้ว สามีก็เดินทางไปพบภรรยาเพื่อขอหย่า โดยไม่รู้ว่ามีลูกชายด้วยกัน
ในช่วงการพูดคุยกันตามลำพังสองพ่อลูก ลูกชายก็ถามพ่อว่ายังรักแม่อยู่หรือไม่ และในช่วงที่ห่างเหินกันอยู่นี้มีความคิดจะรักสาวอื่นๆ บ้างหรือเปล่า
“คนเราเมื่อรักใครคนหนึ่ง” พ่อตอบ “เราจะมีรูปของคนนั้นอยู่ต่อหน้าต่อตา และรูปนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ใหญ่จนบดบังทำให้มองไม่เห็นคนอื่นอีกเลย”
คงต้องยอมรับว่าทุกวันนี้สถาบันครอบครัวเปราะบาง...จะแตกจะหักได้แทบทุกเวลา
แบบอย่างของผู้ที่ร่วมชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างคงเส้นคงวา... จนกว่าความตายจะพรากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปนั้น ย่อมจะโดดเด่นและสร้างความพิศวงให้แก่ผู้ที่ได้พบได้เห็น
เวลาเดียวกันก็เป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนว่า มันเป็นไปได้
เพราะไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับความรัก
ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า ที่พูดๆ กันว่ารักนั้น เป็นรักแท้จริง หรือเพียงแค่ชื่อ.