Deep Thoughts|25

เขาชื่อเจเจ


ครั้งแรกที่ผมพบ เจเจ ก็มีนามบัตรแนะนำตัวเสร็จสรรพ

เกิดวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2539 เวลา 13.34 . ความยาว 52 เซนติเมตร น้ำหนัก 3.820 กรัม

แค่ดูนามบัตร ผมก็อยากทำความรู้จักเจเจเสียแล้ว

เจเจหน้าตามีแววหล่อเหลา ประสาคนตาชั้นเดียว ผมดกดำ ขาน้อยๆ เรียวยาว ส่อแววร่างสูง นิ้วมือยาวเรียวเป็นพิเศษ

ผมว่าเจเจน่าสนใจมาก แต่เจเจไม่ได้แสดงว่าจะสนใจผมแม้แต่น้อยนิด นอนแผ่กางมือกางขา ตาปิด นานๆ จะลืมตาน้อยๆ ขึ้นมามองแวบหนึ่ง แล้วก็หลับต่อทำปากจู๋ดูน่ารัก

ราวกับว่า การจะเกิดมาดูแสงแดดแสงตะวันมันช่างเห็ดเหนื่อยเสียเหลือเกิน เลยได้แต่นอนเอาแรงตั้งแต่เช้ายันค่ำ ค่ำยันสว่าง

จะพักการนอนก็ตอนกินนม หรือไม่ก็ตอนร้องไห้รำคาญผ้าอ้อมเปียกเฉอะแฉะ

กินนมเก่ง ถ้าดูดไม่ทันใจจะร้องไห้เสียอารมณ์” แม่เจเจฟ้อง

ร้องไห้นะดีแล้ว ปอดจะได้แข็งแรง” ยายเจเจเสริม

ผมว่าจะให้เจเจเค้าเติบโตที่นี่แหละ สิ่งแวดล้อมดีกว่าที่ผมอยู่ทำงานแยะ” พ่อเจเจวาดโครงการให้ลูกชาย

เติบโตในสังคมคนใต้อาจจะทำให้เจเจเป็นคนกระด้าง” แม่เจเจเสริม

จะให้ไปโตในรุงเทพฯ ก็คงจะแย่ สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ สังคมเห็นแก่ตัว แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น จะทำให้เจเจนิสัยกร้าวไปด้วย” พ่อเจเจตอกย้ำความตั้งใจเดิม

เติบโตที่นี่นะดีแล้ว ใกล้วัดใกล้วา เจเจจะได้ซึมซับความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้า” ยายเจเจยืนยัน

เสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันดังลั่นห้อง แต่เจเจคงนอนหลับเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่กังวลไม่ห่วงกับใคร คล้ายจะบอกในทีว่า “รู้หน้าที่กันดีแล้วใช่ไหม ต้องทะไรก็ทำไป”

มันอาจจะเป็นสัญชาตญาณแห่งความมั่นใจในความรักที่เจเจสัมผัสได้จากบุคคลรอบข้าง ที่ทำให้เจเจไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น

ทุกคนจะดูแลเจเจให้ดีที่สุดที่จะดีได้ จนกว่าเจเจพร้อมที่จะรับความรับผิดชอบดูแลตนเองในสักวันหนึ่งข้างหน้า

ผมบีบเท้าน้อยๆ ของเจเจ เป็นการบอกลา เนื่องจากมือเจเจสวมถุงมืออยู่ อดดีใจกับเจเจไม่ได้ที่เกิดมาพรักพร้อมด้วยความรัก

แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ไม่ใช่เด็กทุกคนเกิดมาโชคดีแบบเจเจ


บางคนเกิดมาพบกับความเกลียดชัง ไม่พึงปรารถนาแม้แต่จากแม่ผู้ให้กำเนิด...ฉันให้แกเกิดมานับว่าดีแค่ไหนแล้ว...

บางคนเกิดมาไม่มีใครคิดวางโครงการให้ ได้แค่เลี้ยงดูให้รอดตายไปวันหนึ่งๆ ก็บุญแล้ว

บางคนเกิดมาในสภาพแวดล้อมใดก็ต้องถูกหลอมไปตามสภาพนั้น... คนอื่นๆ เขาเติบโตขึ้นมาได้ ทำไมจะต้องวุ่นวายคิดให้เปลืองสมอง

บางคนเกิดมาอย่างไรก็ปล่อยไปอย่างนั้น แล้วแต่ดวงชะตาหรือวาสนาฟ้าจะลิขิตให้ แถมพูดกันว่าคนเรามันฝืนอะไรก็ฝืนได้ แต่ฝืนโชคชะตาอย่าได้คิด

บางคนเกิดมาไม่มีใครสนใจความยาวหรือน้ำหนักด้วยซ้ำ มองแค่ผลประโยชน์ หรือตัวเลขเงินบาทที่น่าจะได้อย่างเดียวในอนาคตอันใกล้

ดูแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่นี่คือดัชนีชี้บอกประเภทคนที่อยู่กันในสังคมเราทุกวันนี้

ทุกประเภทเริ่มต้นจากีวิตน้อยๆ ที่ถือกำเนิดมา และท่าทีของคนแวดล้อม

ในเมื่อทุกชีวิตมาจากพระเจ้า ก็ย่อมจะมีความดีติดตัวออกมา

แต่อะไรล่ะที่เป็นตัวทำให้เกิดการหักเห ทำให้มีคนเลวคนชั่วคนไร้ค่า... ที่เห็นตำตาอยู่ทุกวันนี้ในสังคมเรา

มันคงจะใช่เพราะโชคชะตาฟ้าลิขิต แต่คนแวดล้อม...พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา...นั่นแหละที่ช่วยกันลิขิต

เห็นทีผมจะต้องไปพบเจเจอีกที เสนอให้ทำนามบัตรใบใหม่ไว้ล่วงหน้าได้แล้ว.