ดูจะเล็กน้อย
สุขภาพคนไทยเรานับวันยิ่งจะแย่ลงเห็นได้จากโรงพยาบาลและคลินิกที่เปิดใหม่ทั่วไปหมด
คลินิกหลายแห่งเต็มด้วยคนไข้ จนรักษาไม่ทันโดยเฉพาะหมอเด็ก เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์น่าจะทำให้คนเจ็บป่วยน้อยลง
อาหารเสริมที่ผลิตขึ้นมาจำหน่ายแต่ละอย่างประกันการเติบโตพร้อมกับสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงอย่าว่าแต่เฉพาะวัยเด็กเลย แม้แต่เลยวัยกลางคนไปแล้วยังมีหยูกยาอาหารเสริมไว้ซะลอความแก่ได้ทุกระดับอายุ
แต่ทำไมสุขภาพของคนเรากลับเปราะบางลงทุกวัน ผิดกับคนสมัยก่อน แม้จะขาดอาหารเสริมและหยูกยาทันสมัยแต่ก็สุขภาพดี แข็งแรง
สาเหตุนั้นคงจะมีด้วยกันหลายอย่าง แล้วแต่จะมองกันอย่างไร
แต่วิเคราะห์กันให้ดีแล้ว สาเหตุใหญ่น่าจะมาจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษ...อากาศ อาหาร น้ำ เครื่องใช้ไม้สอย...
คนสมัยก่อน เมื่อล้มป่วยและได้รับการบำบัดแล้ว ก็มีอากาศบริสุทธิ์ อาหารน้ำดื่มสะอาด...ทำให้ฟื้นและหายเร็วขึ้น
แต่เดี๋ยวนี้ พอได้รับการเยียวยาแล้ว ต้องเจอกับอากาศเป็นพิษอาหารการกินที่สกปรก แทนที่จะพักฟื้นหายเป็นปกติ ก็มีแต่อ่อนแอลง เจอเชื้อโรคเข้าหน่อย ก็ป่วยไข้ได้ง่าย
แม้อาหารเสริมก็ช่วยไม่ได้มาก เพราะแทนที่จะเป็น อาหารเสริมสุขภาพที่ดีแล้วให้ดียิ่งขึ้น กลายเป็น อาหารบำบัด เพื่อให้สุขภาพกลับไปเป็นปกติเสียมากกว่า
ไม่ต้องพูดถึงสุขภาพจิตที่ต้องเจอกับความเครียดที่สั่งสมเข้าไปทุกวันทุกขณะ
แล้วส่งผลกระทบสุขภาพกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงขนาดนายแพทย์ท่านหนึ่งยืนยันไว้ว่า การเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเราทุกวันนี้ 60 % มีสาเหตุมาจากจิตใจที่เครียดและเก็บกด แล้วก็เสนอทางออกให้ฝึกการหายใจเข้าออก
จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนหายใจเข้าออกอย่างถูกต้อง
ส่วนใหญ่จะหายใจเข้าออกแบบตื้น ๆ อากาศบริสุทธิ์จึงเข้าไม่ถึงท้องและปอดอย่างเต็มที่ส่งผลเสียกับการทำงานของหัวใจ ปอด และสมอง...แล้วก็อวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
ผมคงไม่ขยายความให้มากไปกว่านี้ว่ารูปแบบการหายใจถูกต้องควรเป็นอย่างไรแต่อยากจะคุยว่า จริงๆ แล้วสุขภาพด้านจิตใจนั้นต้องย่ำแย่อ่อนแอเพราะสาเหตุคล้ายกัน
ความรู้ การเข้าถึงและการปฏิบัติแบบตื้น ๆ ผิวเผิน ส่งผลกระทบ ให้ชีวิตศาสนิกชน ชีวิตศีลธรรม และชีวิตสังคมต้องมีอันเจ็บป่วยอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้
สังคมเราทุกวันนี้เป็นสังคมป่วย...หลายคนยืนยันเช่นนี้ ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าเพียงผิวเผิน กลายเป็นแค่ข้อมูลผิดๆ ถูก ๆ ที่ไม่เคยส่งผลเข้าไปถึงจิตใจ
กี่คนที่ความรู้เรื่องพระธรรมคำสอนจบอยู่แค่ชั้นสุดท้ายของมัธยมปลาย แล้วก็ไม่มีการเรียนรู้เพิ่มเติมให้ลึกซึ้งอีกเลยทั้งชีวิต ชีวิตด้านศาสนาจึงอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรงและศักยภาพ ไม่ผิดกับผู้ใหญ่ที่กินอาหารเด็ก
ศาสนกิจกระทำไปเพียงแค่ผิวเผินกับการปฏิบัติภายนอก ไม่มีอะไรลึกซึ้ง การติดต่อกับพระเจ้าจึงอยู่แค่การสวด การไปวัด แต่ไม่เคยเข้าถึงพระองค์ จนถึงขั้นถูกหล่อหลอมเปลี่ยนแปลงจากพระองค์
เรี่ยวแรงจึงแทบจะไม่พอสำหรับตัวเอง ความคิดที่จะแพร่ธรรมให้คนอื่นตัดไปได้เลยชีวิตศีลธรรมมีแค่เปลือกนอก ไม่หยั่งรากลึกลงไปภายในจิตใจ การทำดีหนีชั่วก็มักจะทำไปเพราะกลัวเสียหน้าหรือกลัวถูกจับได้หรือไม่ก็เป็นความดีเสมอตัว ไม่มีพลังเผยแพร่ความดีไปรอบข้างความรักและมิตรภาพที่ผิวเผินฉาบฉวยก็เป็นอีกอาการหนึ่งของสังคมป่วย
ในเมื่อไม่มีความลึกซึ้งจึงหยุดอยู่ที่ความชอบ รูปร่าง หน้าตา พอขัดหูขัดตาขัดใจ ความรักก็มีอันต้องสลายกลายเป็นความเกลียดได้เพียงแค่ข้ามวันข้ามคืน...
เพื่อสุขภาพกายดีมีความสมบูรณ์ ต้องฝึกการหายใจให้ลึก...ถึงท้องถึงปอด
เพื่อสุขภาพจิตใจคงต้องฝึกฝนความลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นในด้านใด