ขอแค่ครึ่งหนึ่ง...
กว่าบทความนี้จะมาถึงท่านผู้อ่าน การหาเสียงของผู้สมัครเป็น ส.ส. คงจบสิ้นลงแล้ว
ตลอดเดือนกว่าที่ผ่านมามีการพูดจาปราศัยเรียกร้องคะแนนเห็นใจและสนใจกันทุกรูปแบบ
ตั้งแต่การบอกถึงความมุ่งมั่นจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ความผาสุกของประชาชน ตลอดจนการให้สัญญาประชาคมว่าจะพัฒนาให้คนไทยก้าวไปสู่ความเป็นเลิศทุกด้าน พร้อมกับแจกแจงแถลงนโยบายเป็นมั่นเหมาะ
พูดแล้ว แถลงแล้ว ดูเหมือนจะยังไม่มั่นใจว่า ที่พูดๆ ไปมันน่าเชื่อถือขนาดไหน ก็เลยต้องหันไปสาดโคลนคู่แข่ง ขุดคุ้ยป้ายร้ายป้ายสีให้ประชาชนเห็นว่า ฝ่ายตรงข้ามไม่เคยรักชาติจริง
ฟังแล้วก็อดกังขาไม่ได้ว่า ที่พูดๆ มานั้น ต้องการจะสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวผู้พูด หรือตัวผู้ฟังกันแน่
วิสัยของคนไม่มีความมั่นใจในตนเอง มักจะหวาดกลัวคู่แข่ง แม้ไม่มีใครคิดจะแข่งด้วย
แล้วคิดแต่จะหาทางหักล้างทำลายคู่แข่ง...ไม่ใช่เพื่อจะมีความมั่นใจขึ้น หากเพียงเพื่อจะมีความรู้สึกไม่มั่นใจในตนเองน้อยลง
เพราะคนที่ไม่เห็นค่าของตนเอง ก็ไม่พร้อมจะยอมรับค่าคนอื่น
หากจะรวบรวมคำมั่นสัญญา นโยบาย โครงการ...แต่ละอย่างที่ผู้สมัครเป็น ส.ส. แต่ละคนได้พูดไว้อย่างสวยหรูในช่วงการหาเสียงที่ผ่านมานี้แล้ว ก็คงจะอดภาคภูมิใจและชื่นชมยินดีแทนคนไทยไม่ได้ว่า อนาคตของประเทศชาติจะต้องพัฒนาไปได้สวย
ประเทศไทยไม่เพียงแต่จะเป็นเต็งหนึ่งในภาคพื้นเอเซียเท่านั้น แม้แต่มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาก็คงต้องเกรงอกเกรงใจครั่นคร้าม
เพราะสิ่งที่ผู้หาเสียงบ้านเราพูดๆ กันไว้ ฟังดูจะยิ่งใหญ่มากกว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาพูดจาหาเสียงเสียอีก...
เสียดายที่มันเป็นเพียงแค่คำพูด คำพูด คำพูด...คลื่นเสียงที่หายไปในบรรยากาศ
แล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรกับป้ายหาเสียงที่ติดกันแน่นขนัดตามถนนถูกเก็บถูกรื้อถอนจนไม่เหลือร่องรอยหลังจากเลือกตั้งสิ้นสุดลงแล้ว
คนไทยก็คงต้องกินแห้วเป็นอาหารประจำชาติกันต่อไป
หากชีวิตคนเรา ทำได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่พูดไว้ ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว
หรือจะทำได้แค่ครึ่งหนึ่งของคำสัญญาที่ลั่นวาจาไว้ คนคงจะไม่ต้องผิดหวังกันมากอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
หรือเพียงแต่ได้สักหนึ่งส่วนสิบของพรที่ให้กันไว้ในโอกาสต่างๆ คนก็คงจะมีความสุขกันหมดทั้งโลก
เสียดายอีกเหมือนกัน ที่มันเป็นเพียงแค่คำพูด คำพูด คำพูด...เป็นคลื่นเสียงที่หายไปในบรรยากาศ
แล้วก็เหลือเพียงแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ความผิดหวัง ความเจ็บปวด...
แต่งงานกันแล้วฉันจะให้ความสุขคุณทุกอย่าง
ฉันรับคุณทั้งในยามสุขและยามทุกข์...ตราบจนความตายจะแยกเราจากกัน
ได้ดีแล้วผมจะไม่ลืมเพื่อเด็ดขาด
ขอให้อายุยืนหมื่นปี สุขีสุขาไร้โรคาพยาธิ
ขอยืมเงินไปลงทุนตั้งตัวก่อน แล้วจะรีบคืนให้เร็วที่สุด
ต่อไปนี้ฉันจะไม่โมโหเกรี้ยวกราด ทำร้ายเธออีกแล้ว
ขอให้มีความสุข ความสมหวัง คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง
สบายเมื่อไรแล้วจะทุ่มเทเวลาให้พระให้ศาสนาเต็มที่
ถึงคุณจะผิดพลาดล้มเหลว แต่ฉันจะไม่มีวันทิ้งคุณไป
คิดถึงคุณทุกลมหายใจ...แล้วจะเขียนจดหมายมาคุยบ่อยๆ
ฉันจะรักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์ต่อคุณเสมอไป
ไว้ใจฉันได้ รับรองจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง...
เหล่านี้ และอื่นๆ คือคำพูดที่ได้ยินกันบ่อยๆ ซึ่งฟังแล้วทำให้เต็มตื้นด้วยความสุข ความหวัง ความอบอุ่น ความมั่นใจ...ยากจะบรรยาย
ชีวิตนี้คงจะไม่โหดร้ายเกินไป หากคำพูดเหล่านี้จะเป็นความจริง...แม้ไม่ทั้งหมดทุกคำ
เพราะเพียงแค่ได้ยินพูด ก็ให้รู้สึกหวานชื่นสุขสมยินดีฤดีหรรษาพาให้รื่นรมย์แล้ว
สาอะไรถ้ามันเป็นจริงอย่างพูด.