Deep Thoughts|18

สูตรสำเร็จ


ยุคนี้จะเรียกว่า “ยุคสำเร็จรูป” ก็คงจะไม่ผิดนัก

ทุกอย่างมีสูตรสำเร็จ ที่ประกันการยอมรับ ทั้งในด้านมาตรฐานและความสำเร็จ

และใครก็ตามที่ทำตามสูตรนี้ครบ ก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลน่ายกย่องในทุกระดับ

นักธุรกิจถือได้ว่ามีความสำเร็จหากมีเงินล้านฝากในธนาคาร มีบ้านหรู มีรถเบนซ์หรือเทียบเท่าทั้งในคุณภาพและสนนราคา เข้าออกสนามกอล์ฟได้อย่างไม่เคอะเขิน มีเรือยอร์ชไว้พักผ่อนวันสุดสัปดาห์...

นักการเมืองถือว่าได้ระดับหากได้รับเลือก เข้าร่วมรัฐบา เป็นรัฐมนตรี จัดมวยชิงแชมป์บ่อยๆ ให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ได้ทุกเรื่อง...

นักศึกษาถือว่าบรรลุเป้าหมายหากจบจากโรงเรียนมีชื่อเสียง สอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐได้ ต่อด้วยปริญญาโท เอก จากต่างประเทศ...

เมื่อมีสูตรสำเร็จเป็นตัวกำหนด การที่ยังได้มาซึ่งทุกอย่างเหล่านี้ ก็ถือกันว่ายังไม่ได้รับความสำเร็จ... หนักเข้าเลยเหมาว่าเป็นความล้มเหลวไปก็มากต่อมาก

ทั้งๆ ที่ชีวิตเท่าที่เป็นอยู่ก็มีครบในปัจจัยเพื่ออยู่ได้อย่างเป็นสุข

ความทุกข์ก็เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะขาดปัจจุย แต่ยังมีไม่พอตามสูตรที่ตั้งเป้าไว้

แล้วลงเอยเป็นตนเองที่สร้างความทุกข์ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ความสุขรายเรียงอยู่รอบข้าง

เมื่อมีสูตรสำเร็จเป็นตัวกำหนด การที่จะได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็พร้อมที่จะใช้ทุกวิธีการ ทั้งเทพทั้งมาร ไม่คำนึงความผิดความถูก ความยุติธรรม สิทธิ หน้าที่...

พอได้มาครบทุกอย่าง ก็ใช่ว่าจะมีความสุขสมหวัง กลับต้องระแวดระวัง หวาดผวาลูกปืน ไปไหนมาไหนก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ มีคนล้อมหน้าล้อมหลังเป็นเกราะมนุษย์ราวกับนักโทษประหาร

ต่อเมื่อคนเราแต่ละคนกล้าที่จะกำหนดสูตรสำเร็จเองนั่นแหละ ความสเร็จสมหวังก็ดูไม่เกินเอื้อม

ก็คนเราจะมีมาตรฐานของความอิ่มเหมือนกันทุกคนได้เมื่อไร

เพราะความอิ่มนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างของกระเพาะของแต่ละคน

การจะกำหนดว่าเพื่อจะอิ่มท้องทุกคนต้องกินอาหารชนิดนั้นชนิดนี้ จำนวนเท่านั้นเท่านี้ ย่อมจะเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ และดูน่าขัน

อย่างมากก็แค่สามารถกำหนดประเภทของสารอาหารที่ต้องกินเพื่อให้มีสุขภาพดี

จริงๆ แล้ว คนต่างจังหวัดทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เพราะขัดสน...ไม่มีอะไรจะกิน หรือไม่มีบ้านพักอาศัย




แต่อพยพกันเข้ามาไม่หยุดจนจำนวนคนต่างจังหวัดจะมากกว่าคนกรุงเทพฯ อยู่แล้ว ก็เพราะสูตรสำเร็จนี่แหละ ที่โพทนากันทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ปากต่อปาก...จนกระทั่งว่าบ้านที่เคยอยู่สุขสบายกลับร้อนขึ้นมาเฉยๆ ข้าวที่เคยกินอร่อยกลับรสชาดกร่อยไปถนัด เครื่องใช้ไม้สอยที่เคยใช้คล่องมือกลับไร้ประสิทธิภาพทันตาเห็น

ยามกายหิว อะไรอย่างสองอย่างก็ทำให้มันอิ่มได้ แต่ยามใจหิวนี่สิเท่าไรๆ ก็ไม่มีวันพอ ไม่ต่างกับตะกร้าไม่มีก้น

มีคนพูดว่า นักธุรกิจคือคนต่างจังหวัดที่เข้ามาดิ้นรนบากบั่นในกรุงเพื่อจะได้มีเงินสำหรับออกไปพักผ่อนต่างจังหวัด

นั่นก็เป็นสูตรสำเร็จอีกอย่าง ที่กำหนดกันขึ้นมา

คนเรานี่ก็แปลก ปากก็บอกว่ารักตัว แต่ก็หาเรื่องมาเกลียดชังตัวไม่ได้หยุด

อยากให้ตนมีสุข แต่ก็หาความทุกข์มาใส่ตนทั้งกายทั้งใจ

อยากให้ตนมีสุขภาพดี แต่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวกินเหล้าเมายา ฆ่าผ่อนส่งตัวเองไปวันแล้ววันเล่า...ด้วยความรู้ตัวเต็มใจ

อยากให้ตนสบาย แต่ก็เที่ยวสรรหาเสื้อผ้ารัดรูปรัดทรงมาใส่ให้เดินเหินลุกนั่งต้องลำบากลำบน แทบจะพิกลพิการก็ยอมเพื่อความเท่

รักหน้ารักตา แต่เฝ้าทรมานใบหน้าได้ทุกวัน ตั้งแต่ละเลงเครื่องสำอางค์ไปถึงวาดหน้าเขียนคิ้ว จนแทบจะไม่เหลือร่องรอยใบหน้าเก่าให้จำได้

อยากได้ความสบายใจ แต่ก็เต็มใจทำบาปทำกรรมให้จิตใจมัวหมอง ไม่เว้นแม้แต่อบายมุขข้อเล็กข้อน้อย

อยากได้ความสุข แต่เที่ยวไล่ล่าตามสูตรสำเร็จ ลำบากตรากตรำ พอมีครบทุกอย่างก็หมดเรี่ยวแรงหรือร่างกายเจ็บป่วยเกินกว่าจะเสวยความสุขได้แล้ว

คิดให้ลึกซึ้งสักนิด ก็คงจะอดปลงไม่ได้...มนุษย์หนอมนุษย์.