Way of Spirit|4 page 1



คุณพ่อบอสโกต้นแบบและตัวอย่างของชีวิตจิตซาเลเซียน*


ก่อนที่จะพูดถึงชีวิตจิตซาเลเซียนตามรูปแบบของคุณพ่อบอสโก เราอยากพิจารณาองค์ประกอบสำคัญของชีวิตจิตคริสตชนโดยทั่วไป เพื่อจะได้เห็นว่า แนวทางชีวิตจิตซาเลเซียนที่คุณพ่อบอสโกพัฒนาขึ้นในตัวท่านและส่งต่อมาให้เรานั้นมีพื้นฐานอยู่ในชีวิตคริสตชนอย่างไร



ชีวิตจิตคริสตชน

เมื่อได้รับศีลล้างบาปแล้ว คริสตชนแต่ละคนได้รับพระจิตเจ้าและอยู่ภายใต้การชี้นำของพระองค์

พระจิตเจ้าทรงทำงานในคริสตชนแต่ละคน เพื่อให้ความเป็นบุตรของพระเจ้าที่ได้เริ่มต้นในวันรับศีลล้างบาปได้ปรากฏและพัฒนาขึ้น จนกระทั่งการดำเนินชีวิตและการกระทำสอดคล้องกับการเป็นบุตรของพระเจ้ายิ่งทียิ่งมากขึ้น

ชีวิตจิตคริสตชนจึงเป็นการดำเนินชีวิตตามการดลใจของพระจิตเจ้า

นักบุญเปาโลยืนยันในเรื่องนี้เมื่อเตือนคริสตชนว่า “ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน” (รม 8,9)


มองจากแง่นี้ เรากำลังพูดถึงบุคลิกใหม่อันแท้จริงของเรา บุคลิกที่พระเจ้าทรงสร้างมาตั้งแต่แรกซึ่งได้รับผลกระทบจากบาปกำเนิดและต้องสูญเสียความเที่ยงแท้ไป

พระจิตเจ้าทรงก่อให้เกิดความสำนึกใหม่ในคริสตชนแต่ละคนว่าตนเป็นบุตรของพระเจ้า ตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอนและทรงทำให้เห็นเป็นประจักษ์ด้วยชีวิตของพระองค์

ความสำนึกของการเป็นบุตรของพระเจ้าส่งผลไปถึงด้านจิตวิทยาในคริสตชนแต่ละคน และก่อให้เกิดความมั่นใจ ความภาคภูมิใจ ความหวัง และความยินดี ซึ่งสามารถมีอิทธิพลต่อความรู้สึกในเชิงลบได้ด้วย เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรู้สึกถูกทอดทิ้งและโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างที่สุด พระองค์ก็ยังทรงรู้สึกถึงการประทับอยู่และการรับรู้ของพระบิดาเสมอ ความรู้สึกนี้แสดงออกมาในพระวาจาที่ตรัสบนไม้กางเขนว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก 23,46)

ความสำนึกแห่งการเป็นบุตรของพระเจ้า ทำให้พระเยซูเจ้าไม่เคยรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งหรือเป็นกำพร้า แม้ว่าทุกคนจะทิ้งพระองค์ไป แต่พระบิดาทรงต้อนรับพระองค์เสมอ

นี่คือความรู้สึกที่คริสตชนควรมีหากได้พัฒนาความสำนึกของการเป็นบุตรของพระเจ้า ในทุกสถานการณ์เขาสามารถไว้วางใจพระบิดาเจ้าและแสดงออกซึ่งความไว้วางใจนี้ในชีวิตและพฤติกรรมของเขา

พระจิตทรงบันดาลให้เกิดความปรีชาฉลาดขึ้นมาในคริสตชนแต่ละคน ความฉลาดแห่งความเชื่อ ซึ่งทำให้เขาสามารถรับรู้ถึงพระธรรมล้ำลึกของพระเจ้า สามารถค้นพบความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่ในโลก และในเหตุการณ์ต่างๆ แห่งประวัติศาสตร์มนุษย์

ใครที่ไม่เห็นพระเจ้าประทับอยู่ในประวัติศาสตร์และชีวิตของตน ถือได้ว่า เขายังไม่มีพระจิตชี้นำ เพราะพระเจ้าทรงเผยพระองค์เองให้เห็นในเหตุการณ์ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์มนุษย์


กล่าวคือ ในเหตุการณ์ของการเสด็จมาของพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ ในโลกนี้

พระจิตเจ้าทรงนำมาซึ่งรูปแบบใหม่แห่งความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ เป็นความสัมพันธ์ที่หลุดพ้นเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ วัฒนธรรม ศาสนา และฐานะด้านเศรษฐกิจ เป็นความสัมพันธ์ที่มีพื้นฐานอยู่บนความรักและการร่วมแบ่งปันความรักของพระเจ้า “เพราะว่าท่านทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู” (กท 3,28)

พระจิตเจ้าทรงสอนภาษาใหม่ให้เรา เป็นภาษาที่ใช้เพื่อทูลพระเจ้าและแสดงออกถึงความรู้สึกแห่งการเป็นบุตรของพระองค์ ในเวลาเดียวกันพระองค์ก็ทรงสอนว่าเราควรจะทูลอะไรต่อพระเจ้าบ้าง

พระจิตประทานคำพูดที่เราพึงมีเพื่อประกาศสารของพระองค์ ในเวลาเดียวกันพระองค์ก็ทรงเปิดจิตใจเราให้เข้าใจสารของพระองค์ด้วย


กล่าวโดยสรุปแล้ว พระจิตทรงสร้างโครงสร้างภายในของมนุษย์ขึ้นมาใหม่ พระองค์ทรงโปรดให้แต่ละคนสำนึกถึงเอกลักษณ์ของตน ให้แต่ละคนดำเนินชีวิตและทำสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ในรูปแบบของ “มหาบุญลาภ” ขณะที่รอคอยการเผยแสดงยิ่งใหญ่ของภาวะความเต็มเปี่ยมและครบครันแห่งสิ่งสร้าง (รม 8,19-22)


กระนั้นก็ดี ผู้ที่ได้บังเกิดใหม่ในพระจิตต้องพัฒนาตนเองตามโครงการชีวิตที่พระเจ้าประทานให้ เขาไม่เพียงแต่จะได้รับความสามารถบางอย่าง แต่มี DNA ในตัวตนเองที่คอยควบคุมการพัฒนาและการเติบโตในฐานะแห่งการเป็นบุตรของพระเจ้า

ชีวิตคริสตชน - เฉกเช่นชีวิตอื่นๆ - มีกฎภายในที่คอยควบคุมอยู่ กล่าวคือ กฎแห่งการพัฒนา

เมื่อรับศีลล้างบาป เราได้รับเมล็ดชีวิตใหม่ ความตายจบสิ้นลงเมื่อมีเมล็ดแห่งชีวิตงอกเงยขึ้น ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชีวิตใหม่และความตายนี้เอื้อให้ชีวิตใหม่พัฒนาขึ้นด้วยน้ำใจดีและด้วยความเฉลียวฉลาด

การพัฒนาของชีวิตใหม่จึงประกอบขึ้นด้วยขั้นตอนของการงอกงามและขั้นตอนของการลุวุฒิภาวะ

นักบุญเปาโลได้ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาของสองขั้นตอนนี้เมื่อกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจพูดกับท่านเหมือนพูดกับผู้ที่ดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้า แต่พูดเหมือนกับคนที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ เหมือนพูดกับทารกในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าใช้น้ำนมเลี้ยงท่าน ไม่ให้อาหารแข็ง เพราะขณะนั้น ท่านยังรับไม่ได้”

(1คร 3,1-2)

นักบุญเปาโลพูดถึงเด็กทารกและผู้ใหญ่ คนที่ยังไม่ครบครันและคนที่ครบครันแล้ว คนที่ยังโง่เขลาและคนที่ฉลาด คนที่ยังยึดติดกับประสาทสัมผัสและคนที่ดำเนินชีวิตจิต

เราผ่านจากสภาพเด็กไปสู่สภาพผู้ใหญ่โดยอาศัยความรู้แจ้งและการอยู่ฝ่ายความจริง ซึ่งช่วยทำให้เราเห็นความหมายของชีวิตและของโลกที่เราอาศัยอยู่ด้วยความตระหนักมากขึ้นและเห็นจากมุมมองของพระเยซูเจ้า


ขั้นตอนต่อมาคือขั้นตอนแห่งการชำระ ซึ่งจะช่วยเราให้หลุดพ้นจากการที่ต้องดำเนินชีวิตขึ้นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งและการเป็นทาสของความเห็นแก่ตัวและตัณหาที่บ่อนทำลาย เพื่อจะได้เปิดตัวออกสู่อิสรภาพภายใน


นอกนั้น ความพยายามที่จะดำเนินชีวิตสอดคล้องกับชีวิตของพระเยซูคริสตเจ้าจะช่วยเราให้บรรลุวุฒิภาวะเป็นอัตราส่วนกับการที่เราเข้าสู่พระธรรมล้ำลึกของพระองค์อย่างลึกซึ้ง

หนังสือ The General Catechetical Directory ได้มีการพูดถึงเป้าหมายของขั้นตอนแรกของการสอนคำสอนคือ “อบรมผู้เรียนคำสอนให้คิดเหมือนพระเยซูเจ้าทรงคิด มองประวัติศาสตร์อย่างที่พระเยซูเจ้าทรงมอง เลือกและรักอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงทำ มีความหวังอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงสอน ดำเนินชีวิตอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงดำเนิน กล่าวคือ มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพระบิดาเจ้า” (DCG 38) ซึ่งสะท้อนสิ่งที่นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า “ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ มิใช่ตัวข้าพเจ้าอีกต่อไป แต่พระคริสตเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่ในตัวข้าพเจ้า” (กท 2,20)

นี่คือชีวิตจิต







ความหลากหลายของเส้นทางชีวิตจิต

สิ่งที่เป็นลักษณะจำเพาะของชีวิตแห่งการเจิมถวายตัวคือการมุ่งไปสู่การดำเนินชีวิตในพระเจ้า ชีวิตนักบวชจึงมุ่งไปที่ประสบการณ์แห่งพระเจ้า มุ่งไปที่การเป็นประจักษ์พยานและการประกาศพระเจ้า


กระนั้นก็ดี มีหลายรูปแบบของชีวิตแห่งการรับเจิมซึ่งพระจิตทรงนำมนุษย์ไปสู่ความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า

ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เราเห็นว่ามีความหลากหลายที่เกี่ยวโยงไปถึงสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และมนุษย์สามารถแสดงความเป็นตนเองในรูปแบบต่างๆ นักบุญเปาโลบอกว่ามีความแตกต่างและความหลากหลายของพระพรหรือพระหรรษทาน (รม 12,6) พระพรและพระหรรษทานเหล่านี้ช่วยให้พระศาสนจักรพร้อมที่จะดำเนินไปในบริบทและสภาพที่แตกต่างของประวัติศาสตร์

บางคนได้รับแรงบันดาลใจจากพระธรรมล้ำลึกของพระเจ้าและเลือกที่จะดำเนินชีวิตสันโดษและใช้ชีวิตในการศึกษาและการภาวนา บรรดาฤาษีเมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนของชีวิตและความล่อลวงของสิ่งของของโลก ก็จะปิดขังตนเองไว้ในห้อง

ในขณะที่ อีกบางคน รู้สึกถึงความรักที่มีต่อพระเจ้า จึงได้อุทิศตนในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่เขามีชีวิตอยู่เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด

พระจิตทรงกระทำบทบาทของพระองค์ ในบุคคลเหล่านี้และผ่านทางบุคคลเหล่านี้ และนี่คือที่มาของความหลากหลายของรูปแบบบุคลิกคริสตชน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการกระทำของมนุษย์ หรือเกิดจากคำสอนของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือเกิดจากการศึกษาค้นคว้า แต่เกิดจากหมู่คณะคริสตชนซึ่งเป็นดังเมล็ดที่ปลูก

ลงในเนื้อดินที่สมบูรณ์

เพื่อจะเข้าใจ เราต้องมองจากแง่ที่ว่า รูปแบบหลากหลายของบุคลิกคริสตชนเกิดขึ้นมาและพัฒนาได้อย่างไร มากกว่าที่จะพิจารณาเกี่ยวกับคำสอนในเรื่องนี้ มองจากแง่นี้แล้ว เราจะเห็นว่าชีวิตของบรรดานักบุญสามารถให้ความกระจ่างแก่เราได้ดี



ชีวิตจิตในคุณพ่อบอสโก

มีการพูดถึงบุคลิกฝ่ายจิตของคุณพ่อบอสโกในหลายรูปแบบสั้นบ้าง ยาวบ้าง

คุณพ่อ Albert Caviglia ได้พยายามที่จะสรุปลักษณะฝ่ายจิตและฝ่ายศีลธรรมของคุณพ่อบอสโกในหนังสือ 150 หน้า

ศิลปินบางคนพยายามวาดรูปหรือปั้นรูปคุณพ่อบอสโก โดยพยายามดึงจุดเด่นแห่งบุคลิกของคุณพ่อออกมาให้เป็นที่ประจักษ์

ซาเลเซียนแต่ละคนมีภาพลักษณ์ของคุณพ่อบอสโกในตัว ภาพลักษณ์ที่เขาสร้างขึ้นมาโดยทางประสบการณ์ การอ่าน การรำพึง การเลือก และยึดถือเป็นแบบอย่างตลอดชีวิต

บางครั้ง ภาพลักษณ์ของคุณพ่อบอสโกที่สร้างขึ้นมานี้อาจจะเน้นแง่ใดแง่หนึ่งตามใจชอบ ก็เลยบดบังอีกหลายแง่ที่ได้รับการยืนยันทางประวัติศาสตร์

ซาเลเซียนบางคนเน้นภาพลักษณ์ของคุณพ่อบอสโกเฉพาะแง่ของการเป็นเพื่อนของเยาวชน แต่แทบจะไม่สนใจภาพลักษณ์ของคุณพ่อบอสโกในแง่ของการเป็น “ผู้ก่อให้เกิดกระบวนการฝ่ายจิต”

เมื่อรวมสองภาพลักษณ์นี้เข้าด้วยกัน ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ทั้งสองนี้เพิ่มความมั่งคั่งให้แก่กันและกัน และช่วยสร้างความสมดุลให้แก่กันและกันอย่างลงตัว

ดังนั้น ภาพที่ครบถ้วนของคุณพ่อบอสโกจึงน่าจะเป็นคุณพ่อบอสโกในฐานะผู้ได้รับการเจิม สาวก และมนุษย์ฝ่ายจิต


พระวินัยของคณะซาเลเซียนข้อ 21 ได้พูดถึงชีวิตของคุณพ่อบอสโกว่าเป็นชีวิตที่มีความกลมกลืนของธรรมชาติและพระหรรษทานได้อย่างลงตัว “เราซึ้งใจที่เห็นธรรมชาติมนุษย์และพระหรรษทานร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างน่าพิศวง” (21)

คำว่า “น่าพิศวง” ในที่นี้ไม่หมายความว่า “ผิดธรรมดา” แต่หมายถึงสิ่งที่มากระทบใจเราด้วยพลังที่ยากแก่การบรรยาย อาทิเช่น ทิวทัศน์ที่งดงาม รูปวาดที่สวยและลึกซึ้ง เสียงดนตรีที่โดนใจเป็นต้น

นักวิชาการหลายคนกล่าวถึงคุณพ่อบอสโกในทำนองว่า

คุณพ่อบอสโกเป็นคนหนึ่งที่มีความเต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์” (Joergensen)

.ออกัสติน น.ฟรังซิส น.คาธารินแห่งเซียนา น.ยอห์น บอสโก...สมควรที่จะได้รับการจัดให้อยู่ในประเภทสุดยอดมนุษย์แห่งมนุษยชาติ” (Hertling)

เราได้เห็นบุคคลผู้นี้อย่างใกล้ชิดและไม่ใช่เพียงแค่ในเวลาสั้นๆ หรือเป็นเพียงการสนทนาแบบผ่านๆ คุณพ่อบอสโกเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ และความเป็นมนุษย์ของคุณพ่อไม่สามารถจะปิดบังความยิ่งใหญ่นี้ได้ คุณพ่อมีบุคลิกที่โดดเด่นและชวนให้ใหลหลง เป็นคนน่ารักและมีวินัย คุณพ่อเป็นหนึ่งในบรรดาบุคคลที่

ไม่ว่าจะเลือกเดินในเส้นทางใดก็จะทิ้งร่องรอยของตนไว้เบื้องหลังอย่างไม่มีวันเลือนราง คุณพ่อมีทุกอย่างเพื่อชีวิต” (BM 19, chapt.4)

อัครสาวกเปาโล น.ออกัสตินแห่งฮิปโป น.ฟรังซิสแห่งอัสซีซี น.วินเซนต์ เดอ ปอล และ

คุณพ่อบอสโกเป็นมนุษย์ที่มีความพิเศษในตนด้วยคุณภาพด้านความเป็นมนุษย์ที่เป็นเลิศ” (Wackenheim)


ที่เรายกคำพูดเหล่านี้มา ไม่ใช่เพื่อยกย่องคุณพ่อบอสโก แต่เป็นการบอกให้รู้ถึงบุคลิกและชีวิตของคุณพ่อ อันเนื่องมาจากการดำเนินชีวิตอย่างกลมกลืนกับพระเจ้าและการเปิดตนให้แก่พระเจ้า

คำว่า “มีความกลมกลืน” บ่งบอกถึงบางอย่างที่มากกว่าคำว่า “เอกภาพ” เพราะหลายครั้งเพื่อบรรลุถึงเอกภาพเราต้องสูญเสียบางแง่ไป เพียงเพื่อให้เกิดการเข้ากันได้

ธรรมชาติมนุษย์ในตัวคุณพ่อบอสโกซึ่งมีทั้งความอ่อนโยนและเต็มด้วยความรัก พร้อมที่จะเปิดสู่มิตรภาพ และเป็นเครื่องหมายที่โปร่งใสแห่งการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของคุณพ่อ ซึ่งยังผลให้เกิดความเป็นมนุษย์ที่งดงาม

คุณพ่อบอสโกแสดงออกซึ่งความกลมกลืนนี้ด้วยบุคลิกของคุณพ่อ ซึ่งมีทั้งความอ่อนโยนและความเข้มงวด ความฉลาดและรู้ปฏิบัติ ความซื่อตรงและความสง่างาม ความศักดิ์สิทธิ์และท่าทีสบายๆ ต่อสิ่งที่เกี่ยวกับโลก

ชีวิตจิตของคุณพ่อบอสโกยังแสดงออกมาในการงานและการรำพึงพิศเพ่งในพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ในความรักและการทำตามการเรียกร้องของความเป็นมืออาชีพ ในความนบนอบและในอิสรภาพ

ความกลมกลืนนี้ยังแสดงออกมาในวิธีการอบรมที่มีทั้งระเบียบวินัยและความสนิทสนมเป็นกันเอง การมีเหตุผลและการแสดงออกตามธรรมชาติ ความเคร่งครัดและท่าทีสบายๆ... ลักษณะเหล่านี้กลมกลืนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว


มิติของบุคลิกของคุณพ่อบอสโก

พระวินัยคณะซาเลเซียนพูดถึงบุคลิกของคุณพ่อบอสโกว่า “คุณพ่อเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ลึกซึ้ง กอร์ปด้วยคุณธรรมที่คนในสมัยของคุณพ่อพึงมีได้ คุณพ่อเปิดรับคุณค่าแท้จริงต่างๆ ของสิ่งสร้างในโลกและในเวลาเดียวกันก็เป็นคนของพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง เปี่ยมด้วยพระคุณนานัปการของพระจิตเจ้า ซึ่งทำให้คุณพ่อเจริญชีวิต ‘ราวกับเห็นสิ่งที่ไม่ปรากฏแก่ตา’” (21)

สิ่งที่สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคนคือความเป็นมนุษย์ของคุณพ่อบอสโก ความเป็นมนุษย์ของคุณพ่อเป็นตัวเผยให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อ และความศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นประกายเจิดจ้าแห่งความเป็นมนุษย์ของคุณพ่อ


ความเป็นมนุษย์ของคุณพ่อบอสโกแสดงออกมาในความสามารถที่จะรักอย่างเข้มข้นและแบบตัวต่อตัว นี่คือรูปแบบที่คุณพ่อใช้ในการติดต่อกับทุกคน คุณพ่อไม่ชอบอะไรที่เป็นทางการ ไม่ชอบใช้อำนาจ ไม่ทำตัวเป็นนักบริหาร คุณพ่อเป็นคนติดดินและให้ความเคารพต่อทุกคน ไม่ว่าคุณพ่อจะอยู่ในศูนย์เยาวชน หรือให้การต้อนรับคนมาเยี่ยม หรือเดินทาง หรือเดินไปตามถนน คุณพ่อจะแสดงความรักต่อทุกคน ตามเยี่ยงอย่างของพระคริสตเจ้า

ในประวัติของคุณพ่อ มีการพูดถึงตอนที่คุณพ่อยังเป็นเด็ก คุณพ่อจับนกไนติงเกลได้ตัวหนึ่งและนำมาใส่กรงไว้ คุณพ่อดูแลมันอย่างดี ให้อาหารเหมือนทำกับเพื่อน วันหนึ่ง แมวตัวหนึ่งมาใกล้กรงนกและฆ่านกตัวนั้น คุณพ่อบอสโกเสียใจมากและเริ่มร้องไห้ คุณแม่ก็ปลอบโยนว่า “ร้องไห้ทำไมล่ะลูก ยังมีนกอีกหลายตัวในป่า” แต่สำหรับคุณพ่อบอสโกแล้ว นกตัวอื่นๆ ไม่เหมือนกับนกตัวที่คุณพ่อรักและผูกพัน หลังจากนั้น คุณพ่อบอสโกจึงได้ตั้งใจว่าจะไม่ปล่อยให้หัวใจผูกพันกับสิ่งสร้างใดๆ อีกเลย โชคดีที่คุณพ่อบอสโกไม่ได้ถือตามความตั้งใจที่ทำไว้

ความสัมพันธ์ที่มีความรักชี้นำกลายเป็นเคล็ดลับของวิธีการอบรมของคุณพ่อบอสโก


มีเหตุการณ์ที่ยืนยันว่าคุณพ่อบอสโกไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตั้งใจที่กล่าวมา

คุณพ่อบอสโกพูดกับ Gastini ว่า “พ่อเป็นพระสงฆ์จนๆ คนหนึ่ง แต่พ่อรักเธอมาก ถึงขนาดว่า ถ้าวันหนึ่งพ่อมีขนมปังแค่ชิ้นเดียวพ่อก็จะแบ่งกินกับเธอ”

คุณพ่อ Paul Albera เล่าว่า “เรายอมรับว่าคุณพ่อบอสโกรักเราด้วยความรักพิเศษในแบบของคุณพ่อ เราต่างหลงเสน่ห์ของคุณพ่อ พ่อรู้สึกเหมือนกับถูกสะกดด้วยความรักและอำนาจของคุณพ่อบอสโกซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำหรับความคิด คำพูดและการกระทำของพ่อ พ่อรู้สึกว่าได้รับความรักอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ในรูปแบบพิเศษ ยิ่งใหญ่กว่าความรักใดๆ คุณพ่อบอสโกทำให้เราอยู่ในบรรยากาศแห่งความยินดีและความสุข

สิ่งที่คุณพ่อบอสโกปฏิบัติต่อเราเป็นดังพลังที่ดึงดูดเราและส่งผลกระทบถึงดวงใจเยาว์วัยของเราเหมือนแม่เหล็ก ซึ่งยากที่จะขัดขืน และแม้เราอยากจะขัดขืน เราก็คงไม่ทำ แม้จะแลกกับทองทั้งโลก เรามีความสุขมากเพราะสิ่งที่คุณพ่อบอสโกเป็นและทำเพื่อเรา แต่ละอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่มีการเสแสร้ง ไม่มีการต้องออกแรงใดๆ เพราะทุกคำพูดและทุกสิ่งที่คุณพ่อทำสะท้อนความศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นผลมาจากความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง มีต้นกำเนิดในความรักที่ครบครันนั่นเอง

คุณพ่อบอสโกดึงดูดเราเพราะความเต็มเปี่ยมแห่งความรักเหนือธรรมชาติของคุณพ่อที่ลุกเป็นไฟอยู่ในดวงใจ สิ่งนี้ทำให้คุณพ่อพิชิตดวงใจของเราโดยสิ้นเชิง พรสรรค์มากมายที่คุณพ่อมีเปลี่ยนเป็นพรสวรรค์เหนือธรรมชาติโดยความศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตของคุณพ่อ” (Cf. Fr. Peter Broccardo’s Book “ Deeply Human, Deeply Holy,” p. 42)


นอกเหนือไปจากความรักที่มีลักษณะแห่งความเป็นมนุษย์แล้ว คุณพ่อบอสโกยังมีความสามารถในการสร้างความเป็นเพื่อนด้วย

ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คุณพ่อบอสโกมีเพื่อนหลายคน ตอนเป็นวัยรุ่นและเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ก็เช่นกัน หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง ตลอดชีวิตของคุณพ่อก็ว่าได้

ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของนิสัยใจคอของคุณพ่อคือการแบ่งความยินดี การร่วมชีวิตและการร่วมมือกับผู้อื่น

คุณพ่อสนิทกับโยเซฟ พี่ชายมาก ร่วมสนุกสนานและบอกความลับกันได้ คุณพ่อเป็นเพื่อนกับเด็กรุ่นเดียวกัน คอยเล่าเรื่องและเล่นกลให้พวกเขาดู

เมื่อเรียนอยู่ที่ Chieri คุณพ่อกับเพื่อนๆ ร่วมกันตั้ง “ชมรมร่าเริง” ขึ้น คุณพ่อสนิทกับเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อ Louis Comollo และได้มีการตกลงกันว่าใครที่ตายก่อนจะมาบอกว่าได้เอาตัวรอดเข้าสวรรค์หรือไม่ คุณพ่อเป็นเพื่อนกับเด็กยิวที่คนอื่นรังเกียจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับ James Levi ซึ่งคุณพ่อตั้งชื่อเล่นให้ว่า Jonas คุณพ่อพูดถึงเพื่อนคนนี้ว่า

เขาเป็นคนรูปหล่อ ร้องเพลงด้วยเสียงไพเราะหาฟังได้ยาก เขาเล่นบิลเลียดเก่ง พ่อชอบเขามาก เขาก็สนิทกับพ่อมากเหมือนกัน ทุกครั้งที่เขามีเวลาว่าง เขาก็จะมาอยู่ในห้องของพ่อ เราจะใช้เวลาในการร้องเพลง เล่นเปียโน อ่านและเล่านิทาน” (BM 10, p.1038)

ในวิธีการอบรมของคุณพ่อบอสโก มีการเน้นมิตรภาพ คุณพ่อเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในชีวประวัติของนักบุญดอมินิก ซาวีโอ โดยพูดถึงมิตรภาพระหว่าง ดอมินิก ซาวีโอ กับ Camillus Gavio (Life of Dominic Savio, chapter 18)

มีอีกประโยคหนึ่งที่พูดถึงความเป็นมนุษย์ที่เต็มเปี่ยมของคุณพ่อบอสโก

คุณพ่อเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ลึกซึ้ง กอร์ปด้วยคุณธรรมที่คนในสมัยของคุณพ่อพึงมีได้ คุณพ่อเปิดรับคุณค่าแท้จริงต่างๆของสิ่งสร้างในโลก

คุณธรรมที่คนในสมัยของคุณพ่อพึงมีได้แสดงให้เห็นในความสามารถของคุณพ่อที่จะทำโครงการใหญ่โต การเล็งผลเลิศ ความสำนึกเชิงปฏิบัติ ความบึกบึน ในเวลาเดียวกันก็มีท่าทีสบายๆ ความเก่งกาจในการทำงาน และอยู่กับความเป็นจริง

มีบางคนกล่าวถึงนิสัยใจคอของคุณพ่อบอสโกว่า

มีความชัดเจนในการวางแผน น้ำใจหนักแน่น รอบคอบในการตัดสิน ก้าวไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง”

คุณพ่อบอสโกเองก็เคยพูดถึงตนเองว่า

เมื่อทำอะไร พ่อบอสโกไม่ใช่คนที่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ”

เราเห็นได้จากการที่คุณพ่อได้ริเริ่มศูนย์เยาวชนจากของไม่กี่อย่าง ตามมีตามเกิด และเริ่มเปิดบริการได้โดยไม่ชักช้า ตอนแรกๆ ก็มีเด็กไม่กี่คน แต่แล้วเด็กก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จำนวนเด็กที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดโครงการใหม่ๆ ตามมา จนกระทั่งครบวงจรตามที่คุณพ่อบอสโกได้ฝันไว้

เช่นเดียวกัน โครงการด้านธรรมทูต ที่คุณพ่อบอสโกเริ่มด้วยความคิดบางอย่าง มีคนไม่กี่คนที่พร้อมสำหรับไปแดนธรรมทูต แต่ด้วยความพากเพียรและเวลาที่เนิ่นนานก็สามารถเริ่มการได้ คุณพ่อพยายามที่จะเตรียมทุกอย่างสุดความสามารถตามที่หยั่งเห็น กระนั้นก็ดี ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังมองไม่ออก ทว่าในที่สุดแล้ว ธรรมทูตชุดแรกก็เริ่มออกเดินทางไปยังแดนธรรมทูต

ในทำนองเดียวกัน สถาบันการศึกษาที่คุณพ่อบอสโกได้ริเริ่ม คุณพ่อให้ความสนใจจัดตั้งโรงเรียนอาชีวะและกว่าที่จะเป็นรูปเป็นร่างก็ใช้เวลาถึง 20 ปี



ความศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนคุณค่าบางอย่างให้เป็นคุณค่าสากล

ความศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนคุณค่าบางอย่างให้เป็นคุณค่าสากลเมื่อในหมู่คณะหรือในบางบริบท มีการนำคุณค่านั้นๆ มาดำเนินชีวิตในแนวทางคริสตศาสนา

จึงไม่เป็นการแปลกที่คุณค่าจำเพาะของอิตาลีและของแขวงเปียดมอนต์ได้กลายเป็นคุณค่าสากลโดยทางคุณพ่อบอสโก เฉกเช่นคุณค่าด้านวัฒนธรรมของลัทธิยูเดว กรีก และลาตินที่โพ้นเขตแดนและเข้าถึงหมู่คณะคริสตชน กระนั้นก็ดี ความเป็นมนุษย์ที่มั่งคั่ง

และมีลักษณะที่เห็นได้ เป็นรูปธรรม ปฏิบัติได้ สามารถเข้าถึงปัญหาต่างๆ แห่งยุค ล้วนเป็นผลมาจากการตอบสนองต่อพระหรรษทานของพระเจ้าด้วยใจกว้างขวางของคุณพ่อบอสโกนั่นเอง







คุณพ่อบอสโกเป็นคนของพระเจ้าอย่างลึกซึ้งเปี่ยมด้วยพระคุณนานัปการของพระจิตเจ้า” (21)

นี่คือมิติหนึ่งของชีวิตของคุณพ่อบอสโกที่ถูกปิดบังไว้เนื่องจากนิสัยใจคอของคุณพ่อ ถึงแม้ว่าคุณพ่อบอสโกจะมีความโน้มเอียงที่จะสื่อความรู้สึกออกมากับคนที่คุณพ่อพูดคุยด้วย แต่คุณพ่อมักจะไม่พูดถึงประสบการณ์ด้านจิตใจให้พวกเขาฟัง

ในหนังสือและในจดหมายที่เขียนก็เช่นกัน, คุณพ่อบอสโกไม่ค่อยพูดถึงความรู้สึกลึกๆ ของคุณพ่อ

คุณพ่อบอสโกไม่เคยเขียนบันทึกฝ่ายจิตของชีวิตแต่ละวันคุณพ่อจะเขียนแค่ประสบการณ์แห่งการอบรมที่คุณพ่อทำ

เราจึงเห็นถึงแนวทางชีวิตจิตที่มีลักษณะเด่นในการมีสติ ทั้งในการแสดงออกของอารมณ์และความรู้สึก และในความพอประมาณของการเข้าสู่ภายในแห่งตน

ทว่า ความลึกซึ้งแห่งชีวิตของคุณพ่อบอสโกถูกปิดซ่อนอยู่เบื้องหลังการกระทำเสียส่วนใหญ่


คุณพ่อบอสโกเป็นคนค่อนข้างหัวเดื้อและเปรื่องปราด ค่อนข้างจะละโมบเงิน พูดจาเรียบๆ และสามารถทำให้คนอื่นพูดถึงตนเองได้” (ความเห็นของพระคาร์ดินัล Ferrieri เกี่ยบกับคุณพ่อบอสโก)

มีการถกเถียงเกี่ยวกับความลึกซึ้งของคุณพ่อบอสโก คุณพ่อมักจะยุ่งกับงานและการอบรม ทั้งหมดเพื่อช่วยเยาวชนที่ยากจนให้เติบโต ในเวลาเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้งานด้านการอบรมเป็นเรื่องใหญ่โต

ถ้าคุณพ่อบอสโกมีความศรัทธาที่ลึกซึ้ง คุณพ่อก็คงจะป้องกันไม่ให้เกิดความยุ่งเหยิงอย่างที่เห็นในบ้านของคุณพ่อ” นี่คือคำพูดของพระคาร์ดินัลองค์หนึ่งที่ไม่เห็นชอบกับความเป็นกันเองจนเกินไปในศูนย์เยาวชนแห่งวัลดอกโก

กระนั้นก็ดี คุณพ่อบอสโกมีความไว้วางใจในพระเจ้าและความรักของคุณพ่อต่อเพื่อนพี่น้องนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน

ผมได้อ่านข้อมูลของกระบวนการการแต่งตั้งบุญราศีและนักบุญหลายกรณี แต่ไม่เคยเห็นข้อมูลเหนือธรรมชาติมากมายเช่นนี้ในกระบวนการแต่งตั้งคุณพ่อบอสโกเป็นบุญราศีและนักบุญ” (พระคาร์ดินัล Vives)


ลักษณะอีกอย่างหนึ่งของชีวิตจิตของคุณพ่อบอสโกคือ “ความมั่งคั่งแห่งพระพรที่คุณพ่อได้รับจากพระจิต อาทิ ความรอบคอบ ความเข้มแข็ง และความปรีชาฉลาด พระพรแห่งการรู้จักอ่านเครื่องหมายของกาลเวลา ของการเข้าใจธรรมชาติมนุษย์และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ซึ่งแต่ละอย่างก็เกี่ยวข้องกับงาน

ที่คุณพ่อทำ” ( พระคาร์ดินัล Schuster )



คุณพ่อเจริญชีวิตราวกับเห็นสิ่งที่ ไม่ปรากฏแก่ตา”(21)

นี่คือคำพูดที่ได้มาจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ผู้เขียนได้เผยให้เห็นถึงความเชื่อของบรรดาปิตาจารย์ซึ่งได้ดำเนินชีวิตที่เสี่ยงต่ออันตรายและการทดลองอย่างหนัก แต่ก็มีความไว้วางใจในพระสัญญาของพระเจ้า เมื่อผู้เขียนพูดถึงโมเสส ก็ได้บรรยายถึงงานและความยากลำบากที่ท่านพบ แต่ผู้เขียนก็ประกาศว่า “ทุกสิ่งกลายเป็นจริง” เพราะโมเสส “ดำเนินชีวิตเหมือนคนหนึ่งที่สามารถเห็นสิ่งที่เห็นไม่ได้” หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง โมเสสออกจากประเทศอียิปต์ด้วยความเชื่อและไม่กลัวความโกรธแค้นของกษัตริย์ ท่านมุ่งไปสู่เป้าหมายด้วยความหนักแน่น “เหมือนคนที่มองเห็นสิ่งที่เห็นไม่ได้” (ฮบ 11,27)

นี่คือถ้อยคำที่เหมาะสมสำหรับชีวิตของคุณพ่อบอสโก คุณพ่อมีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะอุทิศตนเพื่อความรอดของเยาวชน ช่วยยกฐานะทางด้านวัตถุและด้านจิตใจของพวกเขา ประกาศข่าวดีให้พวกเขา สิ่งนี้แสดงออกมาในท่าทีที่คุณพ่อบอสโกมีต่อสิ่งของของโลกและเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ คุณพ่อเห็นการกระทำของพระเจ้าในสิ่งเหล่านี้



โครงการแห่งชีวิตของคุณพ่อบอสโก

คุณพ่อบอสโกสามารถผสมผสานความมีชีวิตชีวาตามธรรมชาติเข้ากับการดลใจของพระหรรษทานในโครงการแห่งชีวิตของคุณพ่อเพื่อรับใช้เยาวชน

การกระทำดังกล่าวเห็นได้ในความพยายามของคุณพ่อที่จะทำให้โครงการแห่งชีวิตบรรลุความสำเร็จ คุณพ่อต้องเอาชนะความยากลำบากต่างๆ โดยอุทิศตนทั้งครบเพื่อโครงการดังกล่าว ตลอดจนการทุ่มเทพลังแห่งร่างกาย สติปัญญาและจิตวิญญาณเพื่อจะทำให้มันสำเร็จจนได้

โครงการนี้ไม่ใช่เป็นแค่ความฝัน แต่เป็นความอ่อนไหวแห่งใจที่กว้างขวางที่ทำให้เกิดความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น ซึ่งส่งผลถึงการหลอมบุคลิกและวุฒิภาวะแห่งการเป็นนักบุญที่ไม่เหมือนใคร

พระวินัยซาเลเซียนบอกว่า การรับเจิมเป็นนักบวชของเรานั้นรวมถึงชีวิตหมู่คณะ การติดตามพระคริสตเจ้า และภารกิจเพื่อเยาวชนด้วย นี่คือสิ่งที่ชีวิตทั้งครบของคุณพ่อบอสโกมุ่งถึง (3) นี่คือลักษณะจำเพาะของเราและที่หลอมชีวิตของเรา นี่คือสิ่งที่ฤทธิ์กุศลซาเลเซียนได้รับการท้าทายและลงสู่ภาคปฏิบัติ นี่คือสิ่งที่ซาเลเซียนต้องก่อให้เกิดขึ้นในชีวิต กล่าวคือ ความผสมผสานที่ลงตัวของความเป็นมนุษย์และความสำนึกในพระเจ้า .