การสูญเสีย..ที่น่าห่วง
แล้วเรื่องก็บานปลาย ติดร่างแหกันแทบทุกระดับ ก็กินกันมูมมาม คำโตจนล้นปากออกมารู้ถึงไหนให้รู้สึกสะอิดสะเอียน ขยะแขยง จนน่ารังเกียจ..
อดไม่ได้ที่จะต้องพูดต้องถาม “ใจพวกนี้ทำด้วยอะไรกันนี่...” ถึงได้กล้าผลาญทำลายสมบัติของชาติบ้านเมือง... ไม่คิดถึงคนรุ่นหลังกันบ้าง
ทั้ง ๆ ที่บรรพบุรุษท่านอุตส่าห์รักษาหวงแหนเผื่อรุ่นลูกรุ่นหลานรุ่นเหลนได้มีได้ใช้กันอย่างเหลือเฟือ ใช้ไปก็หามาเพิ่มเติมไป เผื่อหน้าเผื่อหลังแล้วจู่ ๆ รุ่นลูกรุ่นเดียว..รุ่นเดียวแท้ ๆ... ผลาญกินผลาญใช้อย่างเห็นแก่ตัว... จนแทบจะไม่มีเหลือหลอให้รุ่นต่อไปได้มีได้ใช้บ้าง
กระนั้นก็เถอะ ถึงจะมีเหลือให้พอจะเจียดแบ่งกันใช้อย่างกระเบียดกระเสียรก็ยังพอทนแต่นี่นอกจากกินกันมูมมามแล้ว ยังเป็นต้นเหตุให้ความกลมกลืนของระบบนิเวศน์ก็เสียไปด้วยน้ำท่วมบ้านท่วมเมือง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ฤดูแปรเปลี่ยนจะเหลือก็เพียงแค่สองฤดูให้เห็น... ร้อนมากกับร้อนน้อย
ก็กินไม้กันจนแทบจะไม่เหลือป่าให้เห็นอย่างนี้ อะไรๆ ก็แปรผันเปลี่ยนแปลงไปหมด
แล้วก็ส่งทอดสันดานความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้เห็นเป็นแบบอย่างยังไม่ทันจะเสียงแตกก็หัดกินหัดโกงกันเป็นเรื่องเป็นราวแล้วทุจริตการสอบ ลอกการบ้าน โกงกีฬา ค้ายาบ้า..ตามรอยเท้าผู้ใหญ่ระดับบ้านระดับเมืองที่ทำกันให้เห็นจะจะแล้วก็แคล้วคลาดรอดตัวไปทุกครั้งทุกครา
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แถมไม่รู้สึกผิดในจิตใจแม้แต่น้อยนิด
“ฉันตัดไม้ป่า ไม่ได้ขโมยตัดสวนบ้านใคร...”
“ไม้เต็มป่าเต็มดง ตัดไปแค่นี้ ไม่เห็นจะเป็นไร...”
“ก็มันเป็นป่า ใครมีปัญญาก็ตัดหามาใช้ ไม่เห็นมีใครเดือดร้อน...”
อีกบางคนก็คิดว่ากำลังช่วยสงเคราะห์สังคมเต็มที่
“คนมีงานทำ มีเงินใช้ จ้างก็ไม่อดตาย...”
ลองคิดกันตื้นๆ แบบนี้ ชาติบ้านเมืองก็มีแต่พังกับพัง
และน่าเสียดาย คนที่คิดแบบนี้มีไม่น้อยแม้คนที่คิดแล้วทำได้จะมีไม่มากจนเกินไป แต่คนที่คิดแต่ทำไม่ได้มีมากมายนัก
และเมื่อคิดกันอยู่แบบนี้ ทันทีที่มีช่องทางมีโอกาส ก็มักจะฉกฉวยทำกันแบบไม่คิดตลบสอง
“ก็โกงกินกันทั้งนั้นแหละ ฉันไม่กินคนอื่นก็กิน...อาจจะกินมากกว่าฉันด้วยซ้ำ...”
เหมือนจะบอกว่า การโกงกินเป็นเรื่องธรรมดา มีกันทุกแห่ง ทุกระดับว่าแล้วก็รุมทึ้งกันอย่างเมามัน
ศีลธรรมก็วัดกันแค่นี้...ในเมื่อใครๆ ก็ทำกันทั้งนั้น ฉันทำบ้างจะเป็นไรไป
ไม่ได้ฉุกคิดกันสักนิดว่า ในเมื่อมีการโกงการกิน ฉันไม่เอาด้วยอย่างน้อยความเสียหายก็น้อยลงหนึ่งส่วนแล้ว
ความผิดก็คงเป็นความผิดอยู่นั่นแหละ แม้จะทำกันหมดทุกคน
“อยู่อย่างนี้มันต้องกินต้องโกงเหมือนคนอื่นๆ... ไม่เช่นนั้นก็อยู่ลำบาก” หรือจะพูดกันอีกนัยหนึ่งว่ากินตามน้ำ...
ถือว่าส่วนตัวแล้วไม่คิดจะทำ แต่ถูกบังคับให้ทำอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วก็โกงกินอย่างมีระบบ เป็นล่ำเป็นสัน... โยนความรู้สึกผิดพ้นตัวไป
บ้านเมืองเราจึงมีการทุจริตคดโกง...อย่างชอบธรรม ด้วยเหตุผลเข้าข้างตัวร้อยแปดพันเก้า
จนไม่มีความรู้สึกว่าผิด...หากไม่ถูกจับได้ เรื่องแดงขึ้นมา
เข้าทำนองเดียวกันกับคนที่ไม่กล้าทำผิด ไม่ใช่เพราะมันไม่ดีไม่ถูกต้อง แต่เพราะกลัวจะถูกจับได้ ต้องอับอายขายหน้า...
จริงๆ แล้ว แค่คิดชั่วถูกจับได้แล้ว...ตนเองนั้นแหละรู้ตนเองนั่นแหละจับได้
น่าจะละอายขายหน้าตนเองกว่าใครอื่นใด
แต่ในเรื่องนี้ คนแทบจะไม่ให้ความสนใจตนเอง กลับไปสนใจท่าทีคนอื่นมากกว่า
อย่างนี้ อย่าว่าแต่ป่าเลย สิ่งดี มีคุณค่าอื่นๆ ก็คงมีอันต้องสูญสิ้นไปอย่างแน่นอน.