Stimulating Thoughts|49

อยู่ที่ตัวคุณ


ปีใหม่เริ่มมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่ความตื่นเต้นกับการรอคอยอะไรใหม่ๆ ดูจะยังไม่จาง

ตั้งแต่ระดับรัฐบาลที่เคยพูดเป็นนัยว่าจะมีอะไรเป็นของขวัญให้คนไทยได้ชื่นชอบจนถึงชาวบ้านเดินถนนที่ยังหวังเลขเด็ดไม่งวดนี้ก็งวดหน้า เผื่อลืมตาอ้าปากเสียทีปีนี้

เวลาผ่านพ้นไป จากทางรัฐบาลก็ยังไม่มีทีท่าราวกับยังไม่มีของขวัญจะห่อด้วยซ้ำฝ่ายเลขเด็ดจากเลขทะเบียนท้ายรถเกจิชื่อดังที่พลิกคว่ำและต้องเสาะหาซื้อมาเลือดตาแทบกระเด็นด้วยราคาสามสี่เท่าตัว ก็ผ่านไปไม่เฉียดแม้แต่เลขตัวเดียว

แถมด้วยข่าวลือโรงงานแถวระยองจะมีอันเป็นไป คนตายเป็นแสนทำให้มีการอพยพหนีตายกันเร่งด่วนโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแหล่งข้าวแหล่งน้ำต่อไปจะอยู่ที่ไหน

กระแสข่าวเหล่านี้และข่าวอื่นๆ ชวนให้รู้สึกว่าเดือนแรกของปีใหม่ดูจะไม่ให้ความหวังมากนัก

แม้แต่ในเรื่องความเป็นอยู่ฉันสามีภรรยาก็ทำท่าจะมีปัญหาไปด้วยข่าวบอกว่าปีใหม่นี้มีสตรีมีแนวโน้มจะนอกใจสามีกันมากขึ้นพร้อมกับชี้ต้นเหตุว่ามาจากสถานภาพและสถานการณ์ทำงานของสตรีที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

แถมเจาะลึกเข้าไปในวงการครูและข้าราชการ ทำนองว่าเป้นกลุ่มที่มีแนวโน้มมากกว่าหมด

เดือดร้อนถึงผู้รับผิดชอบหน่วยงานต้องออกมาชี้แจงแถลงข่าวกันพัลวัน

ซึ่งถ้าจะคิดกันจริงๆ แล้ว ข่าวอย่างนี้ไม่น่าจะมีการตีพิมพ์ด้วยซ้ำ

นอกจากจะเป็นข่าวที่ไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังจะเป็นการชี้นำอีกด้วยสำหรับหลายคนที่ไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข่าวนี้อาจเป็นการเปิดหูเปิดตา ให้เห็นว่าเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาที่ทำกันได้

อีกหลายคนที่เริ่มคิด ข่าวนี้อาจจะเป็นไฟเขียว พร้อมกับสรุปเสร็จสรรพว่า ใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น บางคนที่ทำแล้ว ข่าวนี้อาจจะทำให้หมดความรู้สึกผิดถูกสิ้นความอับอาย เมื่อรู้ว่าคนอื่นๆ กำลังทำเรื่องเดียวกันแล้วก็วกเข้ามาที่จุดยืนแห่งการเรียกร้องสิทธิเท่าเทียมบุรุษในทุกเรื่อง

แม้กระทั่งว่า ถ้าผู้ชายนอกใจได้ ผู้หญิงก็มีสิทธิที่จะนอกใจได้เหมือนกันทำนองว่า เขาผิดได้ ฉันก็มีสิทธิผิดได้ต้นตอเรื่องนี้อยู่ที่ความเข้าใจผิดของคำว่า “สิทธิ” ความเข้าใจผิด นำไปสู่การใช้ “สิทธิ” แบบผิดๆ ในทุกเรื่องพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ..2525 ให้คำจำกัดความของคำ “สิทธิ” ว่า “อำนาจอันชอบธรรม”

เมื่อพลิกไปดูความหมายของคำว่า “ชอบธรรม” พจนานุกรมฉบับเดียวกันระบุว่า “ถูกตามหลักธรรม,ถูกตามนิตินัย”

หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง “สิทธิ” คือการใช้อำนาจให้ถูกต้องหลักธรรมและกฎหมายนั่นเองแม้ในภาษาอังกฤษเอง คำว่าสิทธินั้นเขาใช้คำว่า “right” ซึ่งแปลว่า ถูกต้อง เที่ยงตรง บ่งบอกความหมายได้อย่างดี “สิทธิ” กับ “ความถูกต้อง” จึงแยกกันไม่ออก

สิทธิ” จึงมีไว้เพื่อทำความดีและความถูกต้อง ตามหลักธรรมและกฎหมายเท่านั้นการจะพูดพล่อยๆ “เขาฉ้อโกงฉันได้ ฉันก็มีสิทธิฉ้อโกงเขาได้เหมือนกัน “หรือ” เขาทำลายฉันได้ ฉันก็มีสิทธิทำลายเขาได้เหมือนกัน” หรือ “เขาชั่วได้ ฉันก็มีสิทธิชั่วได้เหมือนกัน” หรือ “เขาทุจริตกอบโกยได้ ฉันก็มีสิทธิกอบโกยได้เหมือนกัน” หรือ “เขาหนีงานได้ฉันก็มีสิทธิหนีงานได้เหมือนกัน” ฯลฯ นอกจากจะเป็นการพูดไม่ถูกต้องแล้ว ยังน่ากลัวมากสำหรับสังคมที่มีอารยธรรม


โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นด้วยกับการเรียกร้องสิทธิและศักดิ์ศรีของสตรีแต่ขอให้เป็นการเรียกร้อง “สิทธิ” และ “ศักดิ์ศรี” ในความหมายแท้จริงของมัน

หากแม้ยืนกรานจะเรียกร้อง “สิทธิ” แบบผิดๆ “ศักดิ์ศรี” ที่พยายามจะเรียกร้องก็คงไม่มีเหลือให้ชื่นชอบและภาคภูมิใจเพราะศักดิ์ศรีคือ ความดี ความถูกต้อง เกียรติศักดิ์ซึ่งจะธำรงไว้ได้หากมีความหนักแน่น ไม่คล้อยไปตามกระแสข้างใด.