Deep Thoughts|5

ต่างมุมมอง


เดือดร้อนกันทั่วทุกหย่อมหญ้า เพราะสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่นี้

ตั้งแต่อาหารการกิน เสื้อผ้า เครื่องใช้ไม้สอย น้ำมัน...ไปจนกระทั่งการเดินทาง

แล้วก็กลับมาสู่ “ยุครัดเข็มขัด” กันอีกครั้ง

ทว่าครั้งนี้ไม่เพียงแค่ “รัดเข็มขัด” กางเกง อย่างเดียว ยังต้อง “รัดเข็มขัด” เมื่อขับรถด้วย

เอาไปเอามาคงต้องรัดเข็มขัดแบบครบวงจรเสียแล้ว

หลายคนให้ข้อสังเกตว่า รถราที่วิ่งอยู่ตามท้องถนนบางตาไปถนัด

หรือจะเป็นมาตรการอย่างหนึ่งของการแก้ไขปัญหาจราจรของรัฐบาลชุดนี้?


ห้างร้านต่างประโคมโฆษณา ขายสินค้าราคาถูก

ซึ่งดูเหมือนจะให้ความเห็นใจผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

แต่สินค้าที่ว่าราคาถูกตอนนี้ ก็เป็นสินค้าราคาแพงก่อนที่จะมีการขึ้นราคานั่นเอง

จะพูดกันให้ถูกแล้ว มันก็สินค้าราคาแพงเหมือนเดิม จะต่างกันก็ตรงที่ว่า แพงตอนนั้นกับแพงตอนนี้...เท่านั้นเอง


ครั้นจะหวังพึ่งรัฐบาลให้ช่วยแก้ไข ก็คงต้องร้องเพลง “รอ” ไปหลายจบ

เพราะรัฐบาลมัวแต่ใช้เวลาแก้ไขปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล... จนแทบไม่มีเวลาเหลือสำหรับชาติบ้านเมืองอยู่แล้ว

แก้ไขไปได้อย่าง ก็โล่งอก ชวนกันออกไปตีกอล์ฟ...

ยามชาติบ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ผู้บริหารยังมีกะจิตกะใจชวนกันไปตีกอล์ฟได้อย่างสบายอกสบายใจ

แทนที่จะวิ่งเต้นหาลู่ทางคลี่คลายความเดือดร้อนของประชาชนตาดำๆ

อย่างนี้พูดได้เลยว่า ไม่ “อิน” กับความทุกข์ยากของชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่น้อยเราท่านก็คงต้องพึ่งตนเอง หาทางแก้ไขปัญหาให้รอดไปวันๆ เสียแล้ว

ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ กระบวนการ “รีไซเคิล” คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เริ่มตั้งแต่เครื่องใช้ไม้สอย ไปจนถึงเครื่องแต่งกาย

ถึงเวลาที่ต้องไปดูในห้องหรือในตู้เก็บของกันให้ถี่ถ้วนเสียที

ของบางอย่างที่เคยใช้ได้ แล้วต้องเก็บทิ้งไว้เพราะมีของใหม่น่าใช้มาแทนที่

คงต้องนำกลับออกมาให้ โดยเน้นประโยชน์มากกว่าที่จะคิดแค่ความเท่ห์ความหรูเท่านั้น

เสื้อผ้าที่อยู่ด้านในของตู้ มีหลายตัวที่ยังใช้ได้ดี แต่ถูกเก็บไว้เพราะไม่ทันสมัย


สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ใครคิดจะแต่งตัวเน้นความหรูหรา ทันแฟชั่น...คงต้องถูกมองเป็นตัวประหลาดไป

ดีไม่ดีถูกว่าลับหลังว่า ดัดจริต คิดทำลายชาติเพราะไม่รู้จักประหยัด

เชื่อเถอะ คนบุคลิกดีใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูดีไปหมด ในทางตรงข้ามคนไม่มีบุคลิกจะนุ่งจะแต่งเสื้อผ้าราคาแพงขนาดไหน ก็ดูไม่เข้าตาอยู่ดี

ทำนองเดียวกันกับเครื่องประดับกาย

คนบุคลิกดีแม้ใส่ของปลอมก็เหมือนของจริง ส่วนคนไม่มีบุคลิกแม้ใส่ของแท้ทั้งตัวมองอย่างไรก็เหมือนปลอมอยู่ดี

ต่อให้อมพระพูดยืนยัน ก็ยากจะเชื่อตาม


สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ คงทำให้เราท่านต้องหันมาดูคุณค่าแท้จริงกันเสียที

ก่อนนี้ เรามัวแต่สร้างคุณค่ากันด้วยเงินทองข้าวของ...ราวกับว่า ยิ่งมีสิ่งเหล่านี้มากก็ยิ่งจะมีคุณคามาก

แต่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเงินทองข้าวของให้สร้างคุณค่ากันแล้ว คงต้องหันมาสร้างคุณค่าในการ “เป็น” ตัวตนแท้ๆ ของเราเสียที

ต่อเมื่อเลิกใช้เมคอัพ นั่นแหละ เราจึงจะเห็นว่าใครหน้าตาสวยงามแท้จริง ฉันใด

ก็ต่อเมื่อมีเงินทองข้าวของน้อยลง เราจึงจะเห็นธาตุแท้ของคุณค่า ศักดิ์ศรี และบารมีของแต่ละคน ฉันนั้น

มองจากแง่นี้แล้ว สภาพเศรษฐกิจบ้านเราในขณะนี้ คงจะไม่เลวร้ายไปเสียทุกอย่าง.