Way of Spirit|1 page 6

ภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้า



ในสังคมที่เน้นความเป็นอยู่ที่ดี อำนาจ และสิ่งที่เห็นได้ภายนอก ภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้าดูจะห่างไกลและเลือนลางไป Alselm Grüm นักบวชคณะเบเนดิกติน นำเสนอพระเยซูเจ้าให้แก่คนยุคนี้ด้วยภาพลักษณ์ต่างๆ ของพระองค์ที่โดนใจ


พระเยซูเจ้า

ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ*



ประสบการณ์ที่เปลี่ยนสาวกที่หวาดกลัวให้เป็นประจักษ์พยานที่กล้าหาญของพระเยซูเจ้าคือการกลับคืนชีพ เราคงบอกไม่ได้ว่าเหตุการณ์แห่งการกลับคืนชีพเป็นอย่างไร แต่ที่แน่คือไม่ใช่เรื่องที่จินตนาการกันขึ้นมา เป็นเหตุการณ์ที่เข้าไปสัมผัสจิตใจของสาวกอย่างลึกซึ้งและได้เปลี่ยนแปลงพวกเขาโดยสิ้นเชิง


พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์มาให้พวกเขาเห็น พวกเขาได้เห็นและได้พบปะกับพระองค์ การพบปะกันพระองค์ช่วยเปิดตาพวกเขาและทำให้พวกเขาเห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นใครแน่พวกเขาต่างก็รู้ว่า พระเยซูเจ้าที่พวกเขาติดตามจากแคว้นกาลิลีและไปแคว้นยูเดียตลอดสามปีนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ พระองค์ไม่อยู่ในแดนผู้ตายอีกต่อไปแล้ว บัดนี้ทรงอยู่ในพระสิริมงคลของพระเจ้าและประทับอยู่เบื้องขวาพระบิดา


ผู้ที่ทหารตรึงไว้กับไม้กางเขนนั้น ได้รับการสถาปนาให้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของโลก และนี่คือการกลับตาลปัตรของคุณค่าทุกอย่าง นี่คือความหวังของเรา ความหวังที่ว่าเราก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การสิ้นสุดของความทุกข์ทรมานและความอ่อนแอเปราะบางของเราทำให้เราสามารถให้ความหมายแก่ชีวิตและผ่านจากความตายไปสู่พระสิริมงคลของพระเจ้า



การพบปะกับพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทำให้สาวกเปลี่ยนความคิดที่พวกเขาเคยมีเกี่ยวกับพระองค์และเกี่ยวกับการกลับคืนชีพของผู้ตาย ในเมื่อไม่สามารถอธิบายสิ่งที่พวกเขาเห็นต่อหน้าต่อตาได้พวกเขาก็พยายามหาความหมายในสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำกับพระเยซูเจ้า เริ่มต้นจากพระคัมภีร์ ลูกาพบคำอธิบายเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในบทสดุดีที่ 16 ที่กล่าวถึงพระองค์ว่า “เพราะพระองค์จะไม่ทรงละทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนผู้ตาย และจะไม่ทรงปล่อยให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เน่าเปื่อย” (กจ 2,27)


บทสดุดีที่ 16 บรรยายถึงความสัมพันธ์หนึ่งเดียวที่มีระหว่างผู้มีความเชื่อกับพระเจ้า ผู้มีความเชื่อจะไม่ละสายตาจากพระเจ้า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้าเสมอ ถ้าพระองค์ทรงอยู่ข้างขวาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไม่หวั่นไหว” (สดด 16,18; กจ 2,25) จึงเห็นได้ชัดเจนว่า แม้แต่ความตายก็ไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์หนึ่งเดียวกับพระเจ้าลดน้อยลงได้


พระเยซูเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและได้รับการเจิมจากพระองค์ ทรงดำเนินชีวิตในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระบิดา ความตายไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์นี้ได้การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าจึงทำให้เรามีความหวังว่าความตายไม่สามารถตัดเราขาดจากความสัมพันธ์หนึ่งเดียวกับพระเจ้าได้เช่นกัน พระเยซูเจ้าทรงประกาศว่าพระเจ้าทรงรักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข ดังนั้น เราก็จะไม่อยู่ในความตาย ความตายไม่มีอำนาจใดเหนือเราได้เพราะเราได้รับความรักจากพระเจ้าความตายจึงเป็นแค่ทางผ่านเพื่อไปสู่ความสัมพันธ์หนึ่งเดียวกับพระเจ้าตลอดนิรันดร การกลับคืนพระชนมชีพแสดงให้เห็นว่าความรักนั้นแข็งแกร่งกว่าความตาย ความตายไม่สามารถทำลายความรักที่พระเจ้าทรงรักเราได้เด็ดขาด


ลูกาตีความการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าไม่เพียงด้วยการใส่คำพูดในปากของเปโตรและเปาโลเท่านั้น แต่ด้วยการเล่าเรื่องการพบปะของพระเยซูเจ้ากับศิษย์ชายหญิงของพระองค์ เรื่องเหล่านี้ย้ำบอกเราอย่างชัดเจนว่าเราสามารถพบพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพได้อย่างไร ลูกาถือว่าการกลับคืนชีพไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะนำมาถกเถียงกัน แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่พระเยซูเจ้าทรงพบปะกับศิษย์ของพระองค์ อย่างกรณีของศิษย์แห่งเอมมาอูส (ลก 24,13-35) กล่าวคือ ศิษย์สองคนที่ออกจากกรุงเยรูซาเลม สถานที่พวกเขาเคยมีความหวัง ระหว่างทางพวกเขาพูดถึงความผิดหวังในตัวพระเยซูเจ้า ในขณะที่กำลังพูดคุยกันมาตามทาง พระเยซูเจ้าทรงมาร่วมทางกับพวกเขาด้วย ศิษย์ทั้งสองจำพระองค์ไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อพระองค์ทรงเริ่มอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟัง โดยเริ่มต้นจากพระคัมภีร์และร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา แต่ทันทีที่ศิษย์ทั้งสองจำพระองค์ได้พระองค์ก็ทรงหายไปต่อหน้าต่อตา


เราต่างก็เหมือนศิษย์แห่งเอมมาอูส เราพยายามหนีไปจากความผิดหวังต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต เหตุการณ์พบปะกับพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพอาจเกิดขึ้นกับเรากลางทางในขณะที่เรากำลังพูดถึงความผิดหวัง แล้วทันทีทันใดเราก็จะเริ่มเห็นความหมายในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ตาเราจะสว่างขึ้นและเห็นว่าเราไม่ได้อยู่ตามลำพังตัวคนเดียวเพราะพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงกำลังเดินเคียงข้างเราอยู่ พระองค์จะทรงบิขนมปังให้เรา กระนั้นก็ดี เราไม่อาจจะยึดติดกับประสบการณ์แห่งการพบปะกับพระองค์ไว้ได้ตลอดเวลา ทันทีที่เราจำพระองค์ได้ พระองค์ก็จะทรงหายไปจากสายตาเรา


ยอห์นเล่าเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพเสด็จมาแม้ในช่วงเวลาที่ดูว่าไร้ค่าแห่งชีวิตประจำวันด้วย (ยน 21, 1-14) คืนนั้น พวกศิษย์ทำงานกันทั้งคืนแต่จับปลาไม่ได้เลย ในขณะที่พวกเขากำลังกลับเข้าฝั่งด้วยความผิดหวังก็เห็นชายคนหนึ่งอยู่ที่ริมฝั่งและกำลังพูดกับพวกเขาด้วยไมตรี พร้อมกับบอกให้ถอยเรือและหย่อนอวนลงทางกาบขวาเรือเพื่อจับปลา “พวกศิษย์ลงอวนและดึงขึ้นไม่ไหวเพราะได้ปลาเป็นจำนวนมาก” (ยน 21,6) เวลานั้นเองศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักก็เข้าใจว่าชายที่ยืนบนฝั่ง “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” (ยน 21, 7) เช่นนี้ พระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงเปลี่ยนคืนที่ไร้ค่าให้เป็นเช้าแห่งชีวิตและความรัก


เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” นี่คือประสบการณ์แห่งการกลับคืนชีพ ในขณะที่ทำงาน พูดคุยในเรื่องจิปาถะ หรือพบกับความขัดแย้งที่แก้ไขไม่ได้ ฉันจะต้องพูดประโยคนี้กับตัวฉัน “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้ว ทันทีทันใดทุกสิ่งที่มืดมัวก็จะเจิดจ้าและวันทั้งวันของฉันจะเป็นประกาย ฉันรู้ดีว่าในขณะที่ฉันกำลังง่วนอยู่กับงาน พระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงอยู่กับฉัน ฉันจะไม่ต้องออกแรงตามลำพัง พระผู้ทรงกลับคืนชนมชีพจะประทานความหวังว่าฉันจะพบกับความหมายของชีวิต แม้ว่าบางอย่างดูจะไม่มีทางออก


ถ้าฉันรู้จักฟังพระองค์สั่งให้หย่อนอวนลงทางกาบขวาของเรือ ซึ่งหมายความว่าทรงสั่งให้ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้อง ฉันก็ต้องทำงานด้วยความเอาใจใส่ แล้วอวนของฉันก็จะเต็มด้วยปลา การกลับคืนชีพเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน กล่าวคือ ถ้าฉันแก้ปัญหาได้เปราะหนึ่ง เมื่อการถกเถียงสรุปลงด้วยดี เมื่อฉันรู้สึกคลายเครียด… ฉันก็รู้ว่าเวลานั้นเองพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงอยู่ข้างๆ ฉัน สิ่งเดียวที่ฉันต้องทำคือหยุดและฟังเสียงดลใจที่พระองค์กำลังตรัสกับฉัน แล้วนั้นชีวิตของฉันจะต่างไปและงานของฉันก็จะเกิดผลดี


ฉันพบกับพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพในสถานการณ์ไหนบ้าง? พระองค์ทรงโปรดให้ฉันได้เห็นพระองค์ “ในคืนที่ไร้ผล” หรือยัง? ฉันเคยมีประสบการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน ในเช้าที่ขมุกขมัวหรือเปล่า?


ฉันเคยรู้สึกเหมือนศิษย์แห่งเอมมาอูสหรือเปล่า? ฉันมักจะหนีจากอะไร? อะไรที่ทำให้ฉันผิดหวัง? พระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงอยากบอกอะไรฉันบ้าง? การเดินทางของฉันน่าจะมีความหมายอะไรบ้าง? ฉันเคยมีประสบการณ์ของการที่รู้สึกว่าตาฉันเปิด ทำให้เห็นอะไรที่เป็นแก่นแท้ เห็นความลึกลับของชีวิตบ้างหรือเปล่า? ถ้าเช่นนั้น ลูกาบอกฉันว่าฉันได้พบพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว


ฉันมองความตายอย่างไร? ฉันจินตนาการถึงการกลับคืนชีพอย่างไรบ้าง? ฉันตระหนักไหมว่าความรักที่ฉันมีอยู่เดี๋ยวนี้จะไม่หมดสิ้นไปเพราะความตาย ฉันจะอยู่กับพระเจ้าตลอดไป ความตายจะทำให้ฉันไปสู่สภาพแท้จริงที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้ฉัน? .




* Alselm Grün