Deep Thoughts|1

ที่มาที่ไป


ไปฟิลิปปินส์ทีไร ผมต้องไปชมภาพยนตร์เรื่องสองเรื่อง

ไม่ใช่ว่าภาพยนตร์เขาดีกว่าภาพยนตร์บ้านเราครึ่งต่อครึ่ง

แต่ที่ชอบก็คือ ภาพยนตร์บ้านเขาฉายวนไปเรื่อย...ใครดูจบแล้วอยากจะดูต่ออีกกี่รอบก็ได้

อยากจะออกไปซื้อน้ำซื้อขนมก็เพียงให้เจ้าหน้าที่ปั๊มตรายางที่แขน ออกไปเข้ามาได้ตลอด

สำหรับหลายคนถือว่าเป็นกำไร ตีตั๋วครั้งเดียว

ดูได้หลายรอบ

อีกหลายคนดูซ้ำอีกรอบสองรอบจะได้เข้าใจเนื้อหาการพูดการจาได้ดีขึ้น

ไม่น้อยคนถือโอกาสนั่งผึ่งแอร์งีบเอาแรง

ส่วนผมก็เพียงแค่มีโอกาสอ่านรายชื่อยืดยาวตอนท้ายของภาพยนตร์...ชื่อผู้แสดง ผู้กำกับ ผู้จัดฉาก ตากล้อง ตัวแสดงแทน ตัวประกอบ...

ซึ่งในโรงภาพยนตร์บ้านเราไม่ค่อยจะมีโอกาสได้อ่าน

เพราะพอภาพยนตร์ใกล้จะอวสาน เจ้าหน้าที่ก็รีบเปิดประตูทางออกไว้พร้อม

คนดูส่วนหนึ่งเริ่มลุกขึ้นยืน ตรวจตราข้าวของและมุ่งไปที่ประตู

ไฟในโรงก็สว่างจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรบนจอ...

ภายในเวลาไม่กี่นาทีโรงภาพยนตร์ก็ว่างเปล่า ร้างผู้คน

เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่า การนั่งอ่านรายชื่อท้ายเรื่องช่วยให้ซึมซับและลิ้มรสภาพยนตร์ได้ดีขึ้น

เหมือนกับทานอาหารแล้วต้องนั่งให้ข้าวเรียงเม็ด อย่างไรก็อย่างนั้น

แต่สำหรับผมแล้ว รายชื่อตอนท้ายภาพยนตร์แต่ละเรื่องมีความสำคัญไม่น้อย สมควรจะให้เวลาอ่าน

ก็ภาพยนตร์ที่ดูกันสนุกสนานตื่นเต้นนั้น เบื้องหลังมีคนเป็นกองทัพก็ว่าได้ ที่ได้ลงทุนลงแรง ในบทบาทที่ต่างกันแต่ก็กลมกลืน จนกลายเป็นผลงานออกมาสู่สายตาผู้ชม ในภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

พวกเขาเหล่านี้แหละที่ควรแก่การชมเชย

ทว่าส่วนมากแล้ว ผู้ชมมักจะชื่นชมในเรื่องราว สีสัน ความตื่นเต้น เร้าใจ ฉากอลังการ...และไม่เคยให้ความสนใจผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

มันก็คงเรื่องเดียวกันกับการไปทานอาหารตามภัตตาคาร

คนสนใจในรสชาติอาหาร แต่ไม่ค่อยจะคิดถึงพ่อครัวแม่ครัวที่อยู่เบื้องหลังนัก

แล้วก็เที่ยวชมว่าร้านนั้นร้านนี้อาหารอร่อย ส่วนฝีมือคนปรุงต่างไม่เคยเอ่ยถึง

ถูกอกถูกใจที่ทิปคนเสิร์ฟมากหน่อย แต่ยังไม่เคยเห็นใครทิปคนครัวสักที

อย่างน้อยๆ ฝากคำชมผ่านทางเด็กเสิร์ฟไปให้คนครัวบ้างก็ยังดี

ซึ่งในต่างประเทศมักจะทำเป็นธรรมเนียม

มันก็คงเรื่องเดียวกันกับอาหารการกินที่บ้าน

ทานข้าวเสร็จถ้าอาหารถูกปาก อย่างมากก็บอกว่าอร่อยดี

แต่จะมีการชมคนปรุงแต่งกระเตรียม เริ่มจากตลาดไปจนถึงขึ้นโต๊ะกันบ้างหรือเปล่า?1

เฉพาะคนที่ลงมือทำครัวเองเท่านั้นที่รู้ถึงรสชาติอาหารได้ล้ำลึกกว่าใครๆ

เพราะรสชาติอาหารนั้นไม่อยู่แค่สิ่งที่สัมผัสได้ปลายลิ้นเท่านั้น แต่รวมไปถึงแรงกายแรงใจของคนที่เตรียมมันด้วย

จะว่ากันแล้ว คนทุกวันนี้สนใจก็แค่สิ่งที่สัมผัสปลายลิ้น ปลายมือชายตา... แล้วก็สนใจอยู่แค่นั้น โดยไม่คิดจะย้อนไปถึงแหล่งที่มาที่ไป

จึงไม่เคยเห็นถึงคุณค่าของแหล่งที่มาของสิ่งเหล่านี้ อย่างที่ควรจะเห็น

มองไปรอบข้างธรรมชาติที่สวยสดงดงาม ก็เห็นแค่นั้น แต่ไม่เคยเลยไปถึงที่มาของทุกสิ่งเหล่านี้

มองเข้าไปในตัวตนและเห็นถึงความมหัศจรรย์ของระบบอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ก็ทึ่งอยู่แค่นั้น

ไม่เคยเลยไปถึงพระผู้สร้าง ผู้ให้กำเนิดที่มาที่ไปของทุกสิ่งเหล่านี้

แล้วก็ชื่นชอบ เชยชมกับผลงาน แต่ไม่คิดจะเลยไปถึงเจ้าของผลงานกันบ้าง

ลงเอยก็เหมือนกันไปหมด ชอบดูภาพยนตร์ แต่ไม่ชอบอ่านรายชื่อตอนท้ายเรื่อง.